GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "GameFever Tech"
Gabe Newell: เทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ (BCI) จะสร้างเกมที่ เหนือกว่าความเป็นจริง
มีให้เห็นในหนังหรืออนิเมะมาแล้วมากมายกับเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) หรือการสื่อสารระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ผ่านคลื่นสัญญาณ เช่นในอนิเมะยอดฮิต Sword Art Online ที่มีเครื่อง NerveGear ที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ราวกับเข้าไปอยู่ในโลกแฟนตาซี ผ่านการกระตุ้นประสาทส่วนต่างๆ ทั้งการมองเห็น การได้ยิน หรือกระทั่งการสัมผัสและการรับรู้กลิ่น ล่าสุด ดูเหมือนว่าเราอาจจะมีโอกาสได้เห็นเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้สร้างเกมจริงๆ ในอนาคตก็เป็นได้ เมื่อผู้บริหารชื่อดังของบริษัท Valve คุณ Gabe Newell ได้ให้สัมภาษณ์กับช่องข่าว 1 NEWS ของประเทศนิวซีแลนด์ว่าบริษัทของเขากำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยี BCI ที่ว่านี้อยู่ เพื่อให้ผู้พัฒนาที่สนใจสามารถนำไปใช้ในการสร้างประสบการณ์เกมแห่งอนาคตให้กับผู้เล่นในลักษณะ Open Source (คือสามารถร่วมกันใช้และพัฒนาได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์) ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณ Gabe ยอมรับว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันยังอยู่ในขั้นแรกเริ่มเท่านั้น และคงยังไม่สามารถมอบประสบการณ์โลกเสมือนจริงที่เราเห็นๆ กันในหนังได้ แต่เขามองว่าการที่ผู้พัฒนาเกมสามารถติดตามคลื่นสมองของผู้เล่นได้ตลอดเวลาอาจจะทำให้พวกเขาสามารถสร้างประสบการณ์ที่มีการตอบสนองต่อผู้เล่นได้มากขึ้น เช่นถ้าคลื่นสมองของผู้เล่นแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเบื่อ เกมก็อาจจะส่งศัตรูหรือฉากต่อสู้ที่ดุเดือดมากขึ้นมาให้เล่น หรือถ้าเห็นว่าผู้เล่นเริ่มง่วง ก็อาจจะแทรกจังหวะผีหลอกให้สะดุ้งขึ้นมาได้เป็นต้น คุณ Gabe ยังกล่าวถึงอนาคตของเทคโนโลยีนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ (หรืออาจจะน่ากลัวสำหรับบางคน) โดยเขาบอกว่าถ้าสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้ถึงระดับที่ควบคุมหรือปรับแต่งคลื่นสมองของผู้ใช้ได้ เราอาจจะได้พบกับโลกเสมือนจริงที่ "สมจริง" ยิ่งกว่าโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก "เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราสามารถสร้างประสบการณ์ต่างๆ ให้กับผู้ใช้ได้โดยที่ไม่ต้องใช้อวัยวะหรือกายหยาบของเราเป็นตัววัดอีกต่อไป (เช่นไม่ต้องใช้ตามองก็เห็นภาพได้จากการปรับแต่งคลื่นสมองโดยตรง) เราก็จะสามารถทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพที่คมชัดหรือสีฉูดฉาดกว่าที่ลูกตาของเราจะสามารถรับได้ เหมือนที่เห็นในหนังเรื่อง The Matrix นั่นแหละ แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้นขึ้นไปอีก" ถ้าให้นึกภาพตอนนี้ คงยังไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าถ้าเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขั้นที่คุณ Gabe กล่าวถึงแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่แค่คิดว่าเราอาจจะได้เล่นเกมแบบที่เห็นในหนังหรืออนิเมะซักวันก็น่าตื่นเต้น (หรืออาจจะน่ากลัว) ไม่ใช่น้อย! Credit: PCGamer
26 Jan 2021
ผู้ผลิต Gaming PC รับสมัครพนักงานประจำตำแหน่ง นักเล่นเกม เงินเดือนต่อปีกว่า 1.2 ล้าน?!
หากคุณเป็นคนที่ใฝ่ฝันอยากจะ "นั่งเล่นเกมเฉยๆ" เป็นอาชีพ (คือนั่งเล่นเฉยๆ จริงๆ นะไม่ใช่เป็นนักกีฬา E-sport) อาจจะมีข่าวดีซะแล้ว เมื่อล่าสุดทางบริษัท OPSYS ผู้ผลิต Gaming PC สัญชาติอังกฤษได้ออกมาประกาศรับสมัครงานตำแหน่ง Gamer เพื่อมาดูแลฝ่าย Overpowered User Experience (ฝ่ายดูแลประสบการณ์ผู้ใช้บ้าพลัง) โดยมีค่าตอบแทนสูงถึงปีละ 30,000 ปอนด์ (ราว 1.22 ล้านบาท) ต่อปีเลยทีเดียว! จากคำประกาศรับสมัครงาน ดูเหมือนว่าผู้ที่ทำงานในตำแหน่งนี้จะมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ "เล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ของบริษัท" โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้: ไม่เอาพวกเกรียนเกม (trolls) เราอยากได้คนที่สามารถใช้เวลาทุกลมหายใจลงไปกับการเล่นเกมด้วยตัวเอง มากกว่าพวกที่ชอบสิงสู่อยู่ในช่องคอมเมนต์ของเกมเมอร์ที่จริงจังกว่า คุณต้องรับรู้ทุกกระแสในวงการเกม ต้องเข้าถึง Meta และ Meme ของแต่ละเกม และสามารถหาวิธีขึ้นเป็นที่หนึ่งในเกมนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ต้องเป็นเกมเมอร์สาย Solo หากจำเป็นต้องมีทีมเพื่อเล่นเกมด้วยกันไม่ต้องสมัครมา ต้องมีความเป็นตัวของตัวเองสูง นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันว่าผู้ที่ทำงานตำแหน่งนี้จะสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้ โดยผู้ที่สนใจจะต้องยื้นใบสมัครที่ประกอบไปด้วย: คลิปสั้นๆ ความยาว 60 วินาที (จะทาง YouTube, Twitch, หรือ Instagram ก็ได้) ที่อธิบายว่าทำไมคุณถึงเหมาะจะรับตำแหน่ง Gamer ของบริษัทเพื่อเล่นเกมเป็นอาชีพแบบเต็มเวลา อัปโหลดคลิปนั้นขึ้นไปบนทวิตเตอร์ (ในกรณีที่ไม่ได้ใช้ Instagram อยู่แล้ว) พร้อมติดแท๊ค @OPSYS_gaming และ #OPSYSDreamJob หากมีประสบการณ์ในการทำงานในสายอื่นที่ไม่ใช่เกม ต้องอธิบายด้วยว่าจะช่วยให้คุณเป็น Gamer ที่ดีขึ้นอย่างไร หากคุณสนใจจะเป็น Gamer มืออาชีพ สามารถส่งคลิปวิดีโอสมัครงานตามเงื่อนไขด้านบนได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 9 เมษายน 2021 โดยบริษัทจะทำการทยอยเรียกสัมภาษณ์ผู้สมัครที่เข้าตาถึงวันที่ 12 กรกฏาคมนี้ และจะประกาศผลการสัมภาษณ์ในวันที่ 19 กรกฏาคม ก่อนที่จะเริ่มงานจริงในวันที่ 1 สิงหาคม 2021 จ้า เอาจริงๆ ก็ยังมีคำถามเต็มไปหมดว่าหน้าที่ของตำแหน่งนี้จะมีแค่การเล่นเกมจริงๆ หรือ? แล้วจะต้องเล่นเกมอะไรบ้าง? ต้องเล่นวันละกี่ชั่วโมง? และอื่นๆ อีก แต่ถ้าใครอยากจะลองสมัครดูก็ไม่น่ามีอะไรเสียหายนะ! Credit: PCGamer 
26 Jan 2021
ไขข้อของใจ จอ Refresh Rate สูง และ Response Time ต่ำ ช่วยให้เล่นเกมดีขึ้นอย่างไร?
ในปัจจุบันการเลือกซื้อจอมอนิเตอร์ หรือทีวีดีๆ หนึ่งตัวมาใช้เล่นเกม เป็นสิ่งที่เหล่าเกมเมอร์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยการที่จอหนึ่งตัวจะถูกพิจารณาซื้อมาใช้งานก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่จำเป็นต้องมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ขนาด, สี, ดีไซน์, ราคา หรือพอร์ตการเชื่อมต่อที่รองรับ ซึ่งในยุคหลังๆ Refresh Rate กับ Response Time ก็เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่เหล่าเกมเมอร์นำมาใช้พิจารณาด้วย Refresh Rate ที่สูง กับ Response Time ที่ต่ำ ถูกเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกมเมอร์สามารถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และควรค่าแก่การหามาใช้หากชอบเล่นเกมที่จำเป็นต้องแข่งขันกับผู้อื่น แต่เพื่อนๆ เข้าใจกันจริงๆ หรือไม่ว่าค่าทั้ง 2 ช่วยให้เราเล่นเกมได้ดีขึ้นอย่างไร? ถ้านั้นคือสิ่งที่สงสัยอยู่ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังในบทความนี้ครับ Refresh Rate กับ Response Time คืออะไร? ทำงานยังไง? จริงๆ แล้วทั้ง 2 ค่า ไม่ใช่สิ่งที่ไม่อยู่แค่ในจอ Monitor ครับ หากแต่มีอยู่ในอุปกรณ์ส่งภาพทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น จอคอม, ทีวี, หรือว่าหน้าจอโทรศัพท์ โดย Refresh Rate คือจำนวนภาพต่อวินาทีที่จอสามารถแสดงผลได้ ส่วน Response Time คือความเร็วที่จอใช้ ในการเปลี่ยนจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่งครับ ซึ่งผมจะขออธิบายขยายความเพิ่มเติมต่อไปข้างล่างนี้ Refresh Rate   หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วจอ Monitor, LCD, LED หรือจออะไรก็ตามในโลกนี้ มันแสดงผลภาพเคลื่อนไหวให้เราเห็นด้วยการกะพริบที่เร็วมากๆ ครับ ยิ่งจอดังกล่าวแสดงผลภาพต่อวินาทีได้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเห็นการเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอัตราการแสดงผลขั้นต่ำจะอยู่ที่ 60 ครั้งต่อวินาที และเราเรียกจอเหล่านี้ว่า "จอที่มี Refresh Rate 60Hz " ดังนั้นจอที่มี  Refresh Rate 144Hz จึงหมายถึงจอที่สามารถแสดงผลภาพได้สูงสุด 144 ภาพต่อวินาที, จอที่มี Refresh Rate 240Hz ก็จะสามารถแสดงผลภาพได้สูงสุด 240 ภาพต่อวินาที ซึ่งความลื่นไหลของการเคลื่อนไหวที่เราได้เห็นจากจอทั้ง 3 แบบ (60Hz, 144Hz และ 240Hz) จะแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งมีความสามารถแสดงผลต่อวินาทีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้นครับ ชมวิดีเปรียบเทียบได้ข้างล่างนี้ โดยสามารถสังเกตได้ว่า การเคลื่อนไหวของตัวละครที่เราเห็นจะมีความ "วาร์ป" น้อยกว่า ดังนั้นการจะเล็งยิงในเกมแนว FPS จึงสามารถทำได้ง่ายกว่ามาก หากใช้จอที่มีค่า Refresh Rate สูงๆ ในเกมประเภทอื่นอย่าง Fighting กับ MOBA เองก็จะช่วยทำให้เราสามารถกะจังหวะป้องกัน, หลบการโจมตี, ออกท่าโจมตี หรือตอบสนองกับสิ่งรอบข้างได้ง่ายกว่าเช่นกันครับ Response Time  ถ้าเพื่อนๆ กำลังเข้าใจว่า "มันหมายถึงการที่เราคลิกเมาส์แล้ว ตัวละครในเกมขยับตามเร็วขนาดไหน" อันนี้เพื่อนเข้าใจผิดครับ (อันนั้นเรียก Input Lag) ความหมายจริงๆ ของ Response Time หมายถึงเวลา Pixel จำเป็นต้องใช้เพื่อนเปลี่ยนสีจาก 1 สีไปเป็นอีก 1 สีในช่องของตัวเอง ซึ่งยิ่งมันต่ำเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เกิด Motion Blur กับ Ghosting น้อยลงเท่านั้น เนื่องจากจอสามารถเปลี่ยนสีได้ทัน บางคนอาจสับสนว่า "แล้วมันต่างจาก Refresh Rate ยังไง" ถ้าเอาแบบเข้าใจง่ายๆ คือ Response Time คือค่าที่ช่วยให้สีที่เราได้ของแต่ละภาพที่กะพริบอยู่บนหน้าจอมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น หมายความว่ายิ่งค่านี้ต่ำเท่าไหร่ สีของภาพที่เราเห็นเวลาเคลื่อนเร็วๆ ก็จะผิดเพี้ยนน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นเราจะแทบไม่เห็น Motion Blur หรือ Ghosting เลยในจอที่มี Response Time 1 ms ครับ (ดูภาพประกอบให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ข้างล่าง) จะสังเกตได้ว่าภาพที่เราเห็นเวลาวัตถุเคลื่อนที่เร็วๆ ในจอที่มี Response Time ต่ำกว่าจะเห็นรายละเอียดของภาพได้ชัดเจนกว่า ซึ่งมันจึงทำให้การเอาจอที่มี RT ต่ำๆ มาเล่นเกมแล้ว เราจึงสามารถเล่นได้ดีกว่า เนื่องจากเกมส่วนใหญ่ในปัจจุบัน (โดยเฉพาะแนวที่ให้ผู้เล่นแข่งขันกันเอง) มักจะมีการเคลื่อนไหวของมุมกล้อง หรือตัวละครที่เร็วมากๆ การเห็นภาพทุกอย่างได้ชัดเจนกว่า ก็จะทำให้เพื่อนๆ สามารถตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นได้ดีกว่าครับ ดังนั้นคำตอบของคำถามที่ว่า "จอ Refresh Rate สูง และ Response Time ต่ำ ช่วยให้เล่นเกมดีขึ้นอย่างไร? " คำตอบขอบมันก็คือ "เพื่อนๆ จะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างได้ชัดเจนมากขึ้น มี Motion Blur ที่น้อยลง จนสามารถตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างได้ดีขึ้น แต่สุดท้ายแล้วจะส่งผลมากน้อยขนาดไหน ก็ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเล่นเกมนั้นๆ ของตัวเพื่อนๆ เองอยู่ดีครับ" แบบนี้เวลาซื้อจอ TV มาเล่นเกมคอนโซล ควรดูเรื่องพวกนี้ด้วยรึเปล่า? เนื่องจากพอร์ต HDMI ของเครื่อง PS5 รองรับ Refresh Rate ได้สูงสุดถึง 120 Hz ถ้าเพื่อนอยากได้ประสบการณ์เกมที่ยอดเยี่ยมการหา TV ซึ่งมี Refresh Rate ที่สูงเท่ากันมาเตรียมถือเป็นเรื่องที่เข้าใจถูกต้อง (ป.ล TV ปกติมักจะมี Refresh Rate อยู่ที่ 60 Hz ดังนั้น TV ที่มี Refresh Rate 120 Hz จึงมีราคาแพงมาก) แต่อย่าลืมว่าการที่จอแบบนั้นจะได้ผลดีที่สุดคือการที่ตัวเกมสามรถรันได้ถึง 120 FPS ด้วยในเวลาเดียว (ถ้าหากจอ 120 Hz แต่เกมรันได้แค่ 60 FPS ก็คือไม่มีประโยชน์อะไรเลยนั่นเอง) แต่เกมส่วนใหญ่ที่เล่นบนเครื่อง PS5 รวมถึง Xbox Series X ได้ในตอนนี้ สามารถทำได้แค่ 4K / 60 FPS เท่านั้น ดังนั้นการซื้อ TV ที่มี Refresh Rate 120 Hz จึงเป็นสิ่งที่เปลืองเงิน และไม่รู้เอามาทำไมในความคิดผมครับ ถ้าถามว่า "แล้วควรซื้อ TV แบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งานมากที่สุด? " ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นจอ 4K / 60 Hz ที่มีสีสวยๆ คือตอบโจทย์มากที่สุดครับ เนื่องจากเกมส่วนใหญ่ที่เราเล่นบนคอนโซล มักไม่ใช่เกมที่ต้องแขนขันกับใคร ดังนั้นหา TV สีสวยๆ เอามาดื่มด่ำไปกับกราฟิกที่สวยงามของเกม จะเป็นอะไรที่ดีต่อประสบการณ์ของเพื่อนๆ มากกว่าครับ และนี้ก็ตอบคำถามในเรื่องของว่า "จำเป็นต้องมี Response Time ต่ำๆ ด้วยรึเปล่า? " ในเวลาเดียวกันครับ (ก็คือไม่จำเป็นต้องเอามาคิดเลยครับ) ข้อควรระวังที่หลายคนอาจมองข้ามไป เป็นยังไงบ้างครับ บทความตัวนี้ช่วยไขข้อข้องใจให้กับเพื่อนๆ ได้รึเปล่า? แต่ก่อนจะออกไปหาซื้อจอที่มี Refresh Rate สูง กับ Response Time ต่ำ อยากให้ถามตัวเองก่อนว่า "ได้เล่นเกมที่จำเป็นต้องใช้จอแบบนี้รึเปล่า? เราได้เล่นเกมที่จำเป็นต้องแข่งขันเยอะหรือไม่? " และอย่าลืมว่าการจะใช้ประโยชน์จากจอเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ เครื่อง PC หรือคอนโซลของเพื่อนๆ จำเป็นต้องสามารถดัน FPS ได้สูงเทียบเท่ากันด้วย (ถ้าซื้อจอ 144 Hz เกมต้องรันได้ 144 FPS ถ้าซื้อจอ 240 Hz เกมก็ต้องรันได้ 240 FPS) ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่ได้มี PC แรงมากๆ สิ่งแรกที่เพื่อนๆ ควรเริ่มคือการอัพเกรดเครื่องของตัวเองให้แสดงผลภาพต่อวินาทีได้สูงๆ เสียก่อน ส่วนทางฝั่งคอนโซล ก็อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่า ปัจจุบันเครื่องคอนโซลสามารถรันได้แค่ 4K / 60 FPS เท่านั้น บวกกับเกมส่วนใหญ่ไม่ได้จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร ดังนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องหา TV ซึ่งมี Refresh Rate สูง และ Response Time ต่ำ มาใช้ เอาเงินไปซื้อตัวที่มีสีสวย และฟังก์ชันโดนๆ ตอบสนองการใช้งานของเพื่อนๆ ได้จะดีกว่าครับ
18 Jan 2021
รีวิว Alienware AW2521H จอ 24.5 นิ้วที่ยัดคุณภาพการเล่นเกมมาแบบเกิน 100%
การเล่นเกมบนเครื่อง PC หนึ่งในสิ่งสำคัญที่เกมเมอร์หลายคนให้ความสนใจก็คือในเรื่องของจอ Monitor ดีๆ ที่จำเป็นต้องมี Option หลายอย่าง ซึ่งช่วยเสริมประสบการณ์ที่ดีในการเล่นเกมให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีขนาดพอเหมาะกับประเภทของเกมที่เล่น, Response Time ที่ต่ำ, Refresh Rate ที่สูง รวมไปจนถึง Port การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ตลาด Monitor ในปัจจุบันมีสินค้าจากหลายแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็น Samsung Odyssey, Acer Predator, BenQ Zowie, MSI หรือ Asus ROG โดย Dell Alienware เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และวันนี้ผมก็มีจอ Monitor ดีๆ อีกหนึ่งรุ่น ขนาดประมาณ 25 นิ้ว มาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน Alienware AW2521H คือชื่อรหัสของรุ่นดังกล่าว แม้ว่า Monitor ที่มีขนาดไม่ถึง 27 นิ้ว จะเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงแล้วในปัจจุบัน แต่เจ้าจิ้ว 24.5 นิ้วนี้ มาพร้อมกับฟังก์ชันยอดเยี่ยมหลายอย่างที่เพื่อนๆ จะไม่ผิดหวังแน่นอนถ้าหากซื้อมาใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบเล่นเกมแนว Competitive ครับ เกริ่นนํามาขนาดนี้เชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะอยากรู้กันแล้วว่าเจ้าจอตัวนี้มีอะไรดี งั้นเรามาเริ่มจากสเปคกันก่อนเลยแล้วกันครับ คุณสมบัติทางเทคนิค Screen Size : 24.5 Panel Type : IPS Resolution (max.) : 1920 x 1080 Response Time: 1ms (gray to gray) - Extreme Mode Refresh Rate :  360Hz (Native with DP) / 240Hz (Native with HDMI) Aspect Ratio : 16:9 Color Gamut : 99% sRGB Port :  2 x USB 3.2 Gen1 (support for NVIDIA Reflex Latency Analyzer) 2 x USB 3.2 Gen1 (5 Gbps) downstream port (rear) 1 X USB 3.2 Gen1 (5 Gbps) upstream port (rear) Input Connectors 2 x HDMI (ver 2.0) 1 x DP 1.4 (rear) 1X Audio line-out jack (rear) อ่านแล้วเชื่อว่าหลายคนน่าจะกำลังสงสัยว่า "เป็นไปได้ด้วยเหรอที่จะมีสีแบบ 99% sRGB ในจอ 360Hz ?" ซึ่งตอนแรกผมก็ตั้งคำถามแบบเดียวกันครับ จนเมื่อได้ใช้งานจอนี้ด้วยตัวเอง ก็ได้แต่ต้องยอมรับว่า "มันมีอยู่จริงข้างหน้าเราเนี่ยแหละ" เหนือสิ่งอื่นใดคือมาพร้อมกับ Response Time: 1ms ด้วย ดังนั้นจอตัวนี้จะเล่นเกม หรือดูหนัง ก็ถือได้ว่าผ่านทั้งหมดครับ ในเรื่องของดีไซน์ ก็คงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เจ้า AW2521H เรียกได้ว่ามีสีส่วนใหญ่เป็นสีเทากับดำ ดูเรียบหรู และแพง นอกจากนี้ที่ด้านหลังของจอ ยังมีการยิงไฟ RGB สลับสีไปมาตลอดเวลา ช่วยให้ลดภาระของสายตาลงไปได้เมื่อด้านหลังของจอเป็นกำแพงที่มีสีขาว หรือดำ ถือได้ว่าผู้ผลิตใส่ใจรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนจริงๆ ครับ ในเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อเองก็มีมาให้อยากหลากหลาย รองรับทุกการใช้งานจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น USB ที่ให้มาถึง 5 พอร์ต (รองรับเทคโนโลยี NVIDIA Reflex ทั้งหมด 2 ช่อง) หรือช่องสำหรับเสียบหูฟัง กับลำโพง ทั้งยังมี HDMI มาให้อีก 2 และ Display Port อีก 1 เอาง่ายว่าจะต่อคอมพร้อมกับ 2 เครื่อง บวก PS4 / PS5 อีก 1 ตัวก็สามารถทำได้สบายๆ เลย สุดท้ายคือในเรื่องของน้ำหนัก เนื่องจากเป็นจอที่มีขนาดเพียงแค่ 24.5 นิ้ว จึงทำให้น้ำหนักทั้งหมดของจอ (ไม่รวมขา) มีเพียงแค่ 4.5 กิโลเท่านั้น สามารถนำไปวางบนโต๊ะที่ท็อปเป็นกระจกได้สบายๆ หมดกังวลเรื่องรับน้ำหนักไม่ไหวไปได้เลยครับ ประสบการณ์ใช้งาน เกม ถ้าจะบอกว่า Alienware AW2521H เป็นจอที่เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ชาว PC อย่างแท้จริง คิดว่าคงไม่เกินเลยจากความเป็นจริงมากมายนัก ด้วยค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 360 Hz และ Response Time ที่ต่ำถึง 1ms คงต้องบอกว่าเจ้าจอ 24.5 นิ้วนี้เกิดมาเพื่อเกมเมอร์สาย Competitive ตลอดช่วงเวลา 1 อาทิตย์ที่ได้ใช้งานมา พบว่าความรู้สึกลื่นไหลที่ได้จากจอตัวนี้แตกต่างจาก จอ 144 Hz ที่ใช้เป็นประจำอย่างมาก และมันทำให้ตัวผมเองสามารถเล่นเกมที่ต้องแข่งขันกันได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ครับ อย่างไรก็ตาม จริงอยู่ที่ Alienware AW2521H เป็นจอที่มีค่า Refresh Rate สูง 360 Hz ซึ่งตอบโจทย์สำหรับการเล่นเกมที่จำเป็นต้องแข่งขันกัน แต่เครื่อง PC ของผู้ใช้งานเองก็จำเป็นต้องมี GPU และ CPU ที่แรงมากพอจะสามารถดัน FPS ภายในเกมไปจนถึง 360 FPS ได้ด้วยเช่นกันดังนั้นอยากให้คำนึงถึงจุดนี้ไว้ด้วยครับ (สามารถเข้าไปดูรายชื่อการ์ดจอแนะนำของพวกเราได้ผ่านลิงก์นึ้) ประสบการณ์ที่ได้จากเกม Single-Player เองก็เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าการที่มี Refresh Rate และ Response Time ที่สูงจะไม่ได้ส่งผลถึงอรรถรสที่ได้มากมายนัก แต่การเล่นเกมที่มีภาพที่ลื่นไหลมากกว่าย่อมเป็นประสบการณ์ที่ดีกว่าครับ และด้วยความที่จอตัวนี้มีค่าสีถูกต้องถึง 99% sRGB มันจึงทำให้เราสามารถสัมผัสกับความสวยงามของกราฟิกที่ผู้พัฒนาตั้งใจใส่มาให้เราได้ชมอย่างตื่นตาตื่นใจครับ ตัวผมเองได้มีโอกาสนำจอตัวนี้ไปเล่นเกม Cyberpunk 2077 ที่ใช้การตั้งค่ากราฟิกแบบเต็มแม็กหลายชั่วโมง ด้วยความที่เกมนี้มีกราฟิกที่สวยงามอันดับต้นๆ ของวงการในตอนนี้ พอเอามารวมกับจอภาพที่มีความลื่นไหลสูง ทั้งยังมีค่าสีที่ถูกต้องแล้ว มันทำให้เหมือนกับรู้สึกว่าได้หลุดเข้าไปในโลกของเกมจริงๆ โลกที่เราเห็นผ่านหน้าจออยู่นี้ราวกับว่ามันมีตัวตนอยู่จริงๆ เหมือนกับได้เข้าไปเดินอยู่ในเมือง Night City ทุกครั้งที่เห็นแสงสะท้อนจากวัตถุในเกมล้วนแต่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า จะสามารถหาประสบการณ์แบบเดียวกันจากจอตัวไหนได้อีกบนโลกใบนี้ ใช้งานทั่วไป (ทำงาน - ดูหนัง) เชื่อว่าไลฟ์สตรีมของเพื่อนๆ ชาว PC หลายคน ไม่ใช่ได้ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมเพียงแค่อย่างเดียว บางคนอาจทำงานที่บ้านผ่าน PC ของตัวเองอยู่ในตอนนี้ บ้างอาจเป็นงานเอกสารทั่วไป บ้างอาจเป็นงานกราฟิก หรือตัดต่อวิดีโอ ในเรื่องความตรงของสีที่ได้จากจอ Monitor จึงเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ จนส่งผลให้ไม่สามารถใช้งานจอสำหรับเล่นเกมทั่วๆ ไปที่เป็นแบบ VA หรือ TN ในการทำงานได้ แต่เจ้า Alienware ตัวนี้ไม่มีปัญหาดังกล่าวครับ เนื่องจากค่าสีที่ได้จากจอตัวนี้อาจตรงยิ่งกว่าจอ IPS ทั่วๆ ไปที่เราเห็นในตลาดเสียอีก (ดูได้ในภาพด้านล่างนี้) ดังนั้นจึงหมดกังวลเรื่องที่สีที่ได้จากจอจะไม่ตรง (สเปคของจอ IPS รุ่นหนึ่งที่มีราคาประมาณ 5,000 บาท สังเกตุว่าได้สีเพียงแค่ 87% sRGB) แม้ว่า 24.5 นิ้วจะไม่ใช้จอขนาดใหญ่ซึ่งเหมาะกับชมภาพยนตร์ ,การ์ตูน หรือคอนเสิร์ต แต่ก็กล่าวได้ว่าไม่ใช่จอที่เล็กเกินไปเช่นกัน กล่าวคือเป็นขนาดที่พอดีเหมาะกับการใช้งานในบ้าน สามารถเก็บรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ภายในฉากได้อย่างทั่วถึง และด้วยค่าสีที่ถูกต้องมาก จึงทำให้กราฟิกที่เราได้เห็นจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์น่าตื่นตาตื่นใจมากด้วยๆ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลยหากจะนำจอตัวนี้ไปใช้งานอย่างอื่นนอกจากเล่นเกมครับ ราคาเท่าไหร่ ? มาจนถึงตรงนี้คิดว่าเพื่อนๆ คงอยากรู้แล้วว่าเจ้า Alienware AW2521H มีราคาอยู่ที่เท่าไหร่ โดยจากหน้าเว็บไซต์ Official ของ Dell เองเลย จอตัวนี้มีราคาเต็มอยู่ที่ 969.99$ (ประมาณ 29,000 บาท) ซึ่งถ้าหากเพื่อนๆ เป็นคนที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเล่นเกม, ดูหนัง หรือทำงานผ่านหน้าจอทั้งหมด ตัวผมเองคิดว่าราคาดังกล่าวไม่แพงจนเกินไปเลย ถ้าหากใครสนใจก็ลองติดต่อสอบถามร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชั้นนำใกล้บ้านดู เชื่อว่าถ้าได้สัมผัสด้วยตัวเองเหล่าเกมเมอร์จะต้องถูกใจมากๆ อย่างแน่นอนครับ ก็จบไปแล้วกับรีวิว Alienware AW2521H จอ 25 นิ้วที่ยัดคุณภาพการเล่นเกมมาแบบเกิน 100% งานนี้ต้องขอขอบคุณทาง Dell จริงๆ ที่ส่งสินค้าดีๆ แบบนี้มาให้เราได้ทดลองใช้งาน ส่วนว่ารีวิว Hardware ชิ้นต่อไปจะเป็นอะไร มาจากแบรนด์ไหน? รอติดตามชมได้เลยครับ
11 Jan 2021
รู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนประสบการณ์เกมมิ่งของคุณได้
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในปี 2019 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวมาตรฐาน USB ใหม่จากทาง USB Implementers Forum ชื่อว่า USB4 ซึ่งมีกำหนดจะถูกเอามาใช้จริงในช่วง ปลายปี 2020 หรือก็คือช่วงนี้ และเชื่อหรือไม่ครับว่าเจ้าเทคโนโลยีสายเล็กๆ นี้อาจเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เกมมิ่งของเราชนิดคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ ได้รับความรู้ที่เต็มที่ และเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเจ้า USB4 นี้ มันยอดเยี่ยมยังไง ผมจำเป็นต้องเริ่มอธิบายก่อนว่า USB4 คืออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน, และสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยตัวบทความนี้อาจมีความยาวที่มากพอสมควร ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ USB4 คืออะไร USB4 คือเทคโนโลยีส่งข้อมูลแบบ External ตัวใหม่ล่าสุดที่ได้รับการยอมรับจากทาง USB Implementers Forum ซึ่งเป็นองค์กรที่คอยควบคุมดูแลมาตรฐานของสาย USB โดยเจ้าสายรับส่งข้อมูลเจเนอเรชันใหม่นี้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 40GB ต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่า USB 3.2 อีกเท่าตัว สายนี้จะมาในรูปแบบ Type-C เท่านั้น และไม่มีรูปแบบ Type-A ที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งเหตุผลที่ต้องทำให้ออกมาเป็น Type-C เท่านั้น ก็เพื่อให้สามารถเอาไปใช้งานร่วมกับสาย Thunderbolt 3 ได้ด้วย โดยการที่สามารถใช้ร่วมกันได้แบบนี้ จะส่งผลถึงวงการเกมพอสมควรในเรื่องของราคา Hardware แต่ผมจะขอกล่าวต่อไปข้างล่างนี้ครับ นอกจากนี้จากประกาศของทาง VESA ทำให้เทคโนโลยี DisplayPort 2.0 เอง ก็หันมาใช้สาย USB4 ในการส่งข้อมูลเช่นกัน ซึ่งเจ้า DisplayPort 2.0 เองก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เล่นเกมของเพื่อนๆ ไปเลยเช่นกัน และเหตุผลว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปก็อยู่ข้างล่างนี้แล้วเช่นกันครับ DisplayPort 2.0 คืออะไร หลายคนอาจคุ้นเคยกับการใช้สาย HDMI ในการต่อจอเข้ากับเครื่องเล่นเกม หรือคอมพิวเตอร์อยู่ในตอนนี้ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วถ้าหากเพื่อนๆ ต้องการใช้งานจอแสดงผลที่มีความละเอียดมากกว่า 4K และมีค่า Refresh Rate สูงกว่า 60 Hz แล้วละก็ เราจะไม่สามารถใช้สาย HDMI ในการเชื่อมต่อได้ ตัวสายมีขนาดของ Bandwidth ที่ไม่เพียงพอครับ โดยเทคโนโลยีล่าสุดของสาย HDMI คือ HDMI 2.0 ซึ่งมีขนาด Bandwidth เท่ากับ 18Gbps ดังนั้นจึงส่งผลให้สาย HDMI สามารถแสดงผลได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K กับค่า Refresh Rate ที่ 60 Hz ครับ ดังนั้นในส่วนนี้สาย DisplayPort 1.4 จึงเข้ามารับหน้าที่แทนเนื่องจากเป็นสายที่มีขนาด Bandwidth สูงถึง 32.4 Gbps  (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/120 Hz และ 8K/60Hz) นอกจากนี้เทคโนโลยี Nvidia G-Sync กับ AMD FreeSync เอง ก็สามารถทำงานผ่านสาย DisplayPort ได้เท่านั้นเช่นกัน เพื่อนๆ อาจสังเกตได้ว่าจอคอมพิวเตอร์แพงๆ ที่มีความละเอียดสูง มีค่า Refresh Rate สูง และมีเทคโนโลยี Nvidia G-Sync หรือ AMD FreeSync มักให้สาย DisplayPort มาด้วยครับ กลับมาที่ประเด็น DisplayPort 2.0 เทคโนโลยีนี้คือตัวใหม่ล่าสุดที่มี Bandwidth สูงถึง 77.4 Gbps (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/144 Hz, 8K/120 Hz และ 16K/60Hz) ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการมาของ USB4 คือ การหมายความว่าเราจะสามารถเล่นเกมในความละเอียดที่สูงมากขึ้น หรือ Refresh Rate ที่สูงกว่าเดิมได้นั้นเอง [caption id="attachment_72716" align="aligncenter" width="1280"] เล่นเกมแบบ 16K[/caption] (ขอบคุณภาพจากทาง Linus Tech Tips) USB4 สามารถใช้กับ Thunderbolt 3 = ราคาของ Hardware จะถูกลง ก่อนที่โลกเราจะรู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วที่สุดของโลกคือ Thunderbolt 3 ซึ่งเจ้าสายนี้เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของทาง Intel ส่งผลให้หากผู้ผลิต Hardware จะใช้เทคโนโลยี จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับ Intel ด้วย ผลลัพธ์คือผู้ผลิตจำเป็นต้องใช้ต้นทุนที่มากขึ้น และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Notebook รุ่น Highend รวมไปจนถึง Macbook ของทาง Apple มีราคาที่แพง นอกจากนี้ AMD เองก็ไม่สามารถนำ Thunderbolt 3 มาใช้งานได้เช่นกันเนื่องจาก Intel ไม่ยอม ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ External GPU ที่เอาไว้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Notebook สามารถใช้งานได้กับเครื่องที่ใช้ Chipset ภายในเป็นของ Intel เท่านั้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการมาของ USB4 ที่สามารถใช้งานกับ Thunderbolt 3 ได้จึงจะช่วยลดราคาต้นทุนให้กับผู้ผลิตได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ถูกกว่า การลดต้นทุนได้จึงหมายความว่า ราคาของสินค้าที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในส่วนนี้จะถูกลง ซึ่งจะทำให้พวกเราเหล่าเกมเมอร์สามารถจับต้องสินค้าที่มีประสิทธิภาพ สูงขึ้นในราคาเท่าเดิมได้นั้นเอง และการมี Notebook แรงๆ หรือ Hardware ดีๆ ก็จะทำให้การเล่นเกมของเพื่อนๆ ลื่นไหลมากขึ้นไปด้วยในเวลาเดียวกันครับ ความเปลี่ยนแปลงของวงการเกมที่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อ USB4 ถูกใช้งานจริง นอกจากที่ผมกล่าวมาข้างตนแล้วยังมีอีก 2 ประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้น สามารถอ่านได้ข้างล่างนี้เลยครับ การเปลี่ยนไปใช้จอที่สามารถเชื่อมต่อกับ USB4 ได้ ในปัจจุบันมาตรฐานการเล่นเกมถูกปรับขึ้นมาเป็น 4K / 60 FPS แล้ว จากการมาของเครื่อง PS5 และ Xbox Series X ดังนั้นในอนาคตมาตรฐานของความละเอียด กับ Refresh Rate จะสูงมากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน โดยความละเอียดที่สูงกว่า 4K / 60 FPS นั้นไม่สามารถใช้งานสาย HDMI ได้แล้ว กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือการเปลี่ยนไปใช้ USB4 ในการส่งภาพจะกลายเป็นมามาตรฐานใหม่ของจอ PC อย่างแน่นอน และเมื่อวันนั้นมาถึง เหล่าเกมเมอร์ PC อาจได้เปลี่ยนจอกันทุกคนเลยครับ เอาจริงๆ มันยัง ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ขนาดนั้นสำหรับเราในตอนนี้ เนื่องจากมาตรฐาน USB4 ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในตอนนี้ และน่าจะไม่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมที่ควายละเอียดต่ำกว่า 8K / 60 FPS เช่นกัน เนื่องจากสาย DisplayPort 1.4 ยังสามารถทำงานในส่วนนี้ได้ดีอยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าเมื่อเวลาที่เราต้องเปลี่ยนมาถึงจริงๆ เราก็จะปรับตัวกันได้เอง เหมือนตอนที่โลกเปลี่ยนจากสาย AV มาใช้สาย HDMI แทน นอกจากนี้คิดว่ากว่ายุคที่เราจะไปถึงความละเอียดมากกว่า 8K มันก็น่าจะยังอีก 6 - 8 ปีเลยครับ ถ้าจะพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเลยหลังจากที่ DisplayPort 2.0 กับ USB4 ถูกใช้งานเลย เห็นจะเป็นการที่สามารถต่อจอความละเอียดสูงพร้อมกันหลายตัวได้เลยด้วยสายเพียงเส้นเดียว ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะช่วยให้ประสบการณ์เกมมิ่งของเราดีขึ้นมากน้อยขนาดไหนเช่นกันครับ และอย่าลืมว่าจอที่นำมาใช้ต้องรองรับสายตัวนี้ด้วยเช่นกัน   (ขอบคุณภาพจากทาง BeginnersTech) ตลาด Hardware อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่จะมีราคาถูกลง อ่านผ่านๆ อาจเห็นว่าประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับวงการเกมเท่าไหร่นัก แต่ผมจะบอกว่าแม้ไม่ทางตรง แต่ข้อนี้ก็ส่งผลในทางอ้อมอยู่พอสมควรครับ ซึ่งถ้าให้อธิบายไปทีละขั้นต้อนแล้วละก็ คิดว่าอาจจะยาวเกินไปดังนั้นผมจึงได้เขียนอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เอาไว้แล้วข้างล่างนี้ครับ มีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น = SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น = การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น = อาจทำให้ราคาของสินค้าจะถูกลง ราคาของสินค้าจะถูกลง = การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง = เราอาจได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ราคาเท่าเดิม เครื่องที่มีประสิทธิภาพ = ประสบการณ์เกมที่ได้จะดีกว่า (4K / 120 FPS หรืออะไรก็แล้วแต่) นี้คือผลกระทบจากการมาของสาย USB4 เท่าที่ผมจะนึกออกในตอนนี้ครับ ซึ่งความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ผมกล่าวมาจะไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันทีหรอกครับ มันน่าจะต้องใช้เวลาอีก 5 - 10 ปี เลยในความคิดของผม และไม่แน่ใจด้วยว่ามีความเป็นไปได้อะไรที่ผมมองข้ามไปหรือไม่ ถ้าหากเพื่อนคิดเห็นอย่างไรก็คอมเม้นต์คุยกันได้ครับ!
17 Nov 2020
รีวิว HyperX Alloy Origins [ Tactile Switch ] ถ้าชอบใช้แรงกดน้อยต้องตัวนี้เลย
Alloy Origins นับเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งตัวใหม่จากทาง HyperX ที่มีดีไซน์สวยงาม ที่มาพร้อมกับไฟ RGB สีสันสวยงาม และมีสวิตช์ให้เลือกใช้ถึง 3 แบบ ประกอบด้วย Red (Linear), Blue (Clicky) และ Aqua (Tactile) โดยก่อนหน้านี้ทางเราได้มีการรีวิวตัว Blue ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องขอบคุณทาง HyperX ที่ได้มีการส่งตัว Aqua มาให้เราทดลองใช้อีกตัวครับ ซึ่งวันนี้ผมจะมีรีวิวให้เพื่อนๆ ได้รู้ถึงความยอดเยี่ยมของคีย์บอร์ดตัวนี้ให้เพื่อนๆ ได้รู้กัน แอบบอกก่อนเลยว่าสวิตช์ตัวนี้ "พิมพ์สนุกมาก" จะเป็นยังไงไปดูกันครับ รายละเอียด Switch HyperX Aqua Operation Style - Tactile ควมแรงในการกด - 45 G ระยะสั่งการ - 1.8 mm ระยะการเคลื่อนที่ - 3.8 mm จำนวนการกด - 80 ล้านครั้ง ถ้าหากจะให้พูดถึงข้อดีของเจ้า Aqua (Tactile) ตัวนี้ คงจะเป็นในเรื่องที่มีจังหวะสะดุดเล็กน้อย ทำให้ตอนใช้งานจะรู้สึกได้ว่ากดปุ่มลงไปแล้วจริงๆ หรือไม่ ทั้งยังใช้แรงในการกดเพียงแค่ 45 G จึงทำให้การสั่งการผ่านคีย์บอร์ดตัวนี้ สามารถทำได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็วมากกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปที่มีอยุ่ในตลาดครับ จากประสบการณ์ใช้งานตรง ผมพบว่าสวิตช์รูปแบบนี้เหมาะสมเวลาใช้พิมพ์ข้อความเป็นอย่างมาก เนื่องจากจังหวะสะดุดเล็กน้อยนั้นช่วยให้แน่ใจว่าพิมพ์ตัวอักษรแต่ละตัวไปแล้วจริงๆ ทั้งยังใช้แรงในการกดไม่มากเท่าไหร่นัก ส่งผลให้ไม่เกิดอาการเจ็บนิ้วเวลาใช้งานนานๆ ครับ ในด้านของการเล่นเกม Aqua (Tactile) ถือว่าตอบโจทย์เมื่อเอาไปใช้กับแนวเกมที่ต้องการความถูกต้องในการสั่งการ และความเร็วอย่างแนว RTS หรือ MOBA เป็นอย่างมาก การใช้งานกับเกมตระกูล FPS เองก็ค่อนข้างเหมาะสมเช่นกัน เอาจริงๆ สามารถใชได้กับเกมทุกแนวครับ แต่เนื่องจากว่าใช้แรงในการกดเพียงแค่ 45 G เท่านั้น ผู้ใช้งานอาจจำเป็นต้องระวังในเรื่องของการกดไปโดนปุ่มข้างๆ เล็กน้อยครับ! วัสดุและดีไซน์ HyperX Alloy Origins มีโครงสร้างของตัวคีย์บอร์ดเป็นอลูมิเนียม และมีตัวปุ่มกดเป็นพลาสติกแข็งเกรดดี จึงทำให้มีน้ำหนักเบา สามารถพกพาได้สะดวกทั้งยังแข็งแรงทนทาน อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นอลูมิเนียมผิวดำ ถึงทำให้เกิดรอยขีดข่วนจากเล็บ หรือของมีคมได้ง่ายเช่นกัน ถ้าอยากให้คีย์บอร์ดสวยงามอยู่ตลอดเวลา ตอนใช้งานก็อาจจำเป็นต้องตัดเล็บให้สั้นไว้ก่อนดีกว่าครับ ในส่วนของดีไซน์ Alloy Origins ตัวนี้นับว่ามีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก ถ้าเปรียบเทียบกับคีย์บอร์ด Full Size ตัวอื่นๆ ในตลาด เนื่องจากคีย์บอร์ดตัวนี้ถูกออกแบบมาให้แทบจะไม่มีขอบเลย จึงส่งผลให้ขนาดโดยรวมเล็กกว่าตัวอื่นๆ ที่มีในตลาดประมาณ 10 - 20% ดังนั้นสำหรับใครที่มีพื้นที่ระหว่างขอบโต๊ะกับหน้าจอน้อย Alloy Origin อาจเป็นตัวหนึ่งที่ตอบโจทย์ของคุณได้ครับ แสงและไฟ อีกหนึ่งฟังก์ชันที่เหล่าเกมเมอร์ให้ความสนใจมากขึ้น เมื่อเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งคือในเรื่องของแสงสีที่สวยงาม ซึ่ง Hyper X Alloy Origin ได้มีการใช้ไฟแบบ RGB LED ที่จะแสดงผลแสงสีได้สวยงาม โดนเฉพาะเวลาอยู่ในที่มืด นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมไฟ RGB ให้แสดงผลได้ตามต้องการผ่านโปรแกรม HyperX NGENUITY ด้วย เท่าที่ตัวผมเองได้ลองตั้งค่าไฟเล่นดู พบว่าคีย์บอร์ดตัวนี้สามารถแสดงผลรูปแบบไฟ RGB ได้ไม่น้อยหน้าแบรนด์ Gaming Gear ชั้นนำอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นไฟแบบ Wave, Breathing, Starlight, Riptide, Static, หรือ All Random ก็สามารถทำได้ครับ สรุป เท่าที่ได้ลองใช้งานมา 2 อาทิตย์กว่าๆ ตอนนี้คงต้องยอมรับเลยว่าตัวผมเองได้ตกหลุมรักเจ้า HyperX Alloy Origins [ Tactile Aqua Switch ] ตัวนี้ไปเสียแล้วเพราะไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์, ไฟ หรือสัมผัส ล้วนแล้วแต่ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้ตอนนี้มันได้กลายเป็นคีย์บอร์ดหลัก ที่ใช้ทั้งพิมพ์งาน และเล่นเกมในบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะพูดถึงข้อเสียของเจ้าตัวนี้คิดว่าคงมีอย่างเดียว คือยังไม่มีภาษาไทยบนคีย์บอร์ดครับ ถ้าหากว่าเพื่อนๆ ไม่สามารถใช้งานคีย์บอร์ดโดยที่ไม่มีมองได้ อาจจะลำบากพอสมควรเลยในการใช้งานเจ้า HyperX Alloy Origins [ Tactile Switch ] ตัวนี้ แต่ส่วนหนึ่งคิดว่า อาจเป็นเพราะเจ้าตัวนี้ยังไม่ได้ถูกนำเข้ามาขายในไทยอย่างเป็นทางการด้วยครับ ซึ่งคิดว่าถ้าเข้ามาแล้วน่าจะมีตัว เวอร์ชันภาษาไทยให้เพื่อนๆ ได้เลือกซื้อกันด้วย คงต้องรอดูกันต่อไป
27 Oct 2020
Nvidia เผย RTX 3080 และ 3090 อาจขาดตลาดจนกว่าจะหมดปี 2020!
ในขณะที่ผู้เล่นบนเครื่องคอนโซล กำลังพบกับปัญหาที่ไม่สามารถพรีออเดอร์เครื่อง PS5 กับ Xbox Series X ได้เนื่องจากความต้องการที่มีมากเกินไป ผู้เล่นทางฝั่ง PC เองก็กำลังเจอกับสถานการณ์คล้ายๆ กัน เนื่องจาก RTX 3080 และ 3090 เองก็กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากจนไม่มีของอยู่ในตลาดเลย โดยล่าสุดจากคำพูดของ CEO บริษัท Nvidia เหมือนว่าเราคงยังไม่เห็นการ์ดจอทั้ง 2 ตัววางขายในตลาดไปอีกนานเลยครับ! Jensen Huang ได้พูดว่า "ผมเชื่อว่าความต้องการของตลาด จะมีมากกว่าสินค้าที่ผลิตได้ ไปจนกว่าจะหมดปี 2020 เลย เพราะอย่าลืมว่าช่วงวันหยุดยาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้นผมเชื่อว่าความต้องการของตลาด จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2020" ซึ่งคุณ Jensen ยังยืนยันอีกด้วยว่า "ไม่ใช่ว่าเราผลิตไม่เพียงพอ แต่ความต้องการใน 3080 กับ 3090 มันมีมากกว่าที่คิดไว้มากจริงๆ " ดังนั้นสำหรับใครที่อยากได้การ์ดจอตัวใหม่นี้ ก็คงต้องอดใจรอกันไปยาวๆ ครับ ต้องรอดูว่าปี 2021 จะเริ่มมีสินค้าให้เราซื้อแล้วหรือไม่ต่อไป RTX 3080 และ 3090 วางจำหน่ายแล้ววันนี้! Credit: GamingBolt
06 Oct 2020
Gigabyte เผยรหัสการ์ดจอใหม่ 4 ตัวที่คาดว่าจะเป็น RTX 3060Ti
RTX ซีรีส์ 30 วางจำหน่ายมาได้สักพักแล้วกับตัว 3080 และ 3090 โดยต้องบอกเลยว่าประสิทธิภาพของการ์ดจอเจนเนอร์เรชั่นนี้เมื่อเทียบกับราคาแล้ว เป็นอะไรที่ดูคุ้มค่ากับการเปลี่ยนมาใช้มาก อย่างไรก็ตามสำหรับเกมเมอร์บางคนอาจไม่ต้องการใช้การ์ดจอที่มีราคาสูงขนาด 3080 หรือ 3090 กำลังรอการมาของ 3070 กับ 3060 อยู่ แต่เหมือนว่าล่าสุด อาจมีอีก 1 ตัวเลือกมาให้เพื่อนได้ซื้อกันครับ! Gigabyte ได้เผยรหัสสินค้าการ์ดจอตัวใหม่ 4 ตัว คือ GV-N306TAORUS M-8GD GV-N306TGAMING OC-8GD GV-N306TEAGLE OC-8GD GV-N306TEAGLE-8GD โดยจุดที่น่าสนใจก็คือรหัสทั้ง 4 ตัว นั้นมีคำว่า "N306T" อยู่ทั้งหมด แถมทุกตัวยังเป็นรุ่นที่มีแรมสูงถึง 8GB ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ทั้ง 4 ตัวจะเป็น RTX 3060Ti อย่างไรก็ตามในข่าวก่อนหน้านี้ที่เป็นรูปภาพจาก Galax ไม่ได้มีการ์ดจอ 3060Ti หรือรหัสที่ใกล้เคียงถูกโชว์ออกมาด้วย ดังนั้นคิดว่ายังมีความเป็นไปได้ที่นี้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเช่นกันครับ  
02 Oct 2020
รีวิว Hp Pavilion Gaming 15 สุดยอดขุมพลังระดับนักศึกษาในราคามัธยม !!
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว GameFever TH ทุกคนค่ะ ในบทความนี้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับโน๊ตบุ๊คสายเกมมิ่งจากค่าย HP รุ่น Pavilion Gaming 15-ec1046AX ที่มากับขุมพลัง CPU AMD Ryzen 5 และ การ์ดจอ GTX 1650 จากทาง Nvidia พร้อมด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู แต่แอบมีความดุดันของเกมมิ่งซ่อนมาด้วย หากทุกคนนึกถึงโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งแล้วหล่ะก็ หลายคนคงกังวลเรื่องของน้ำหนักเครื่องที่มักจะโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ แต่สำหรับโน๊ตบุ๊คตัวนี้แทบไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยคะ เพราะไม่ได้หนักอย่างที่คิด สาวๆ ชาวเกมเมอร์สามารถพกไว้เพื่อทำงาน และเล่นเกมได้สบายๆ แถมยังมาในราคาเพียง 25,900 บาท เท่านั้น สำหรับใครที่สงสัยว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีดีตรงไหนอีก เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบในบทความนี้กันค่ะ ดีไซน์เรียบแต่แอบดุดั่นสไตล์เกมมิ่ง ก่อนอื่นเรามาเริ่มที่ดีไซน์ภายนอกของตัวเครื่องกันดีกว่า ซึ่งถ้าหากพูดถึงโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่หลายๆ คนรู้จักกัน หลายคนคงนึกถึงเครื่องหนาๆ รู้สึกเทอะทะเป็นอย่างมากถ้าหากจะต้องแบกไปไหนมาไหน แต่ปัญหาเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้า HP Pavilion 15-ec1046AX อย่างแน่นอนด้วยดีไซน์ที่บางเบากว่าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งทั้วๆ ไป และน้ำหนักเพียงแค่ 2.25 kg จึงสามารถพกพาได้สะดวกพร้อมกระโดดเข้าสู่โลกเกมเมอร์ได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างแน่นอน จอดีอย่างไร หน้าจอ ถือเป็นอีกส่วนที่สำคัญเช่นกันสำหรับผู้ใช้งาน เนื่อจากเป็นสิ่งที่เราต้องใช้มองอยู่ตลอดเวลาในการทำงาน หรือเล่นเกม ทาง HP ไม่ได้ละเลยในส่วนนี้เลย เพราะมีการใช้เทคโนโลยี IPS Anti Glare ที่ช่วยให้สามารถใช้งานนานๆ ได้โดยไม่มีปัญหา แถมยังมาพร้อมกับค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 144Hz ซึ่งถือเป็นมาตราฐานสำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมพร้อมยังสามารถทำงานได้ แต่ที่น่าตกใจเห็นจะเป็นเพราะทั้งที่มี 2 เทคโนโลยีนี้อยู่ในเครื่อง แต่กลับขายในราคาเพียงแค่ 25,900 บาท เท่านั้น เรียกได้ว่าถูกมากๆ เลยค่ะ สายชาตพกสะดวก เบา กระทัดรัด หากจะต้องใช้โน๊ตบุ๊คสักเครื่องแล้วหล่ะก็ อีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับการเลือกใช้คงเป็นในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่จะต้องครอบคลุมในทุกการใช้งาน เพราะหากพกพาสะดวกสบาย แต่ต้องพกสายชาตสุดหนักอึ้งไปไหนมาไหนด้วยก็คงไม่สะดวก  สำหรับ HP Pavilion 15-ec1046AX เครื่องนี้ คงไม่ต้องกังวล เพราะอแดปเตอร์สายชาตนั้นเบามาก แถมขนาดยังเทียบเท่า Power Bank ที่เราพกกันทั่วไปเอง หากต้องยกไปมาแล้วหล่ะก็ถือว่าครบจบในกระเป๋าใบเดียวเลยหล่ะ สเปคเครื่องของ HP Pavilion 15-ec1046AX ชื่อรุ่นเต็มๆ ของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีชื่อว่า HP Pavilion Gaming 15-ec1046AX ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลจากทาง AMD Ryzen 5 4600H บวกกับการ์ด Nvidia GeForce GTX 1650 4 GB GDDR5 พร้อมแรมขนาด 8 GB และ SSD M.2 ความจุ 512 GB นอกนั้นทาง HP ยังให้หน้าจอที่มีค่า Refresh Rate  144Hz สำหรับเกมเมอร์มาด้วย สามารถรับชมสเปคเครื่องแบบละเอียดได้ที่ข้างล่างนี้เลย CPU: AMD Ryzen 5 4600H Max boots 4.0 GHz GPU: Nvidia GeForce GTX 1650 (4 GB GDDR5) Screen Size: 15.6" (1920x1080) Full HD Panel Type: IPS Anti Glare – จอด้าน Refresh Rate: 144 Hz Memory Size: 8 GB DDR4 Solid State Drive: 512 GB SSD PCIe M.2 Weight: 2.25 kg OS Bundle: Windows 10 Home (64 Bit) Warranty: 2 Year Onsite Service ขุมพลังตัวเครื่องสุดล้ำ ดูเรื่องคุณสมบัติทางเทคนิคของตัวเครื่องผ่านไปแล้ว เรามาดูส่วนของการเล่นเกมกันบ้างดีกว่า เนื่องจาก HP Pavilion 15-ec1046AX เองก็ได้ชื่อว่าเป็น โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเราก็อยากจะพาทุกคนไปรับชมความแรงที่ตัวเครื่องสามารถทำได้กัน ขอแอบบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สำหรับเกมที่จะนำมาทดสอบก็จะมี Playerunknowns Battlegrounds , Valorant และ GTA V ค่ะ Playerunknowns Battlegrounds ซึ่งผลที่ได้จากเกม Playerunknowns battlegrounds ถือว่าไปในทิศทางค่อนข้างดีเลยทีเดียว ด้วยตัวเกมที่มีแผนที่ค่อนข้างกว้าง บวกกับต้องใช้ผู้เล่นจำนวนหลายๆ คนลงไปเล่นพร้อมกัน แถมยังมีรายละเอียดของภาพที่สูง และสมจริงทำให้ปฎิเสธไม่ได้เลยเป็นอีกหนึ่งเกมที่ใช้เสปคสูงพอสมควร จากการทดลองด้วยกราฟิดระดับ Ultra ทั้งหมด ได้เฟรมเรทภายในเกมอยู่ที่ระหว่าง 68 - 76 fps อาจจะมีร่วงไปแตะ 50 บ้างแต่รวมๆ แล้วเฉลี่ยนเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 71 fps ซึ่งสามารถเล่นได้สบายๆ เลยค่ะ Valorant  ต่อมาในส่วนของเกมที่กำลังเป็นกระแสอย่าง Valorant ซึ่งตัวเกมเองก็ไม่ได้มีส่วนที่กินเสปคของเครื่องขนาดนั้นเพียงในขณะที่ปรับภาพ Hight ทุกอย่างตัวเครื่องสามารถขับภาพได้ที่ 120 - 165 fps ไม่ว่าจะเป็นช่วงการเข้าจังหว่ะบวก หรือมีการเทสกิลเข้าไฟท์เยอะแค่ไหนเฟรมเรทก็ไม่ได้ตกลงไปจนน่าเกลียดส่วนของค่าเฉลี่ยนของเฟรมเรทจะอยู่ที่ประมาณ 135 fps ซึ่งถือว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลจะบวกจังหว่ะไหนก็ไม่มีกระตุกแน่นอน Grand Theft Auto V สุดท้ายขอยกตัวอย่างเป็นเกม Open World ยอดฮิตในไทยอย่าง GTA V กันบ้าง ซึ่งผลที่ได้ก็น่าพอใจเช่นเดียวค่ะ การปรับภาพอยู่ที่ความละเอียดสูงสูดที่ตัวเกมจะสามารถปรับได้ในความละเอียด Full HD 1920x1080 เฟรมเรทที่ได้อยู่ระหว่าง 85 - 120 fps ต่อให้ตัวเกมจะดูเก่าแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นเกมที่มีรายละเอียดในแมพค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควร พอได้ลองทสอบแล้ว ก็บอกได้เลยว่าเครื่องนี้มีขุมพลังสุดยอดกว่าที่คิด เพราะภาพคมชัดรายละเอียดของเงาสะท้อนก็ทำออกมาได้ดีลื่นไหลตลอดแถมตัวเกมรันภาพเฉลี่ยอยู่ที่ 93 fps ค่ะ โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เหมาะกับใคร? สำหรับ HP Pavilion Gaming 15-ec1046AX เครื่องนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่าครบเครื่องสมดังคำนิยามที่เราตั้งให้ว่า สุดยอดขุมพลังระดับนักศึกษาในราคามัธยม จริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ที่ดูสวยแอบดุดันดั่งเกมมิ่งแล้ว ก็สามารถแสดงให้ผู้ใช้เห็นได้ถึงความแรงของตัวเครื่องที่สามารถเล่นเกมกระแสในปัจจุบันได้อย่างสบายๆ จะพกไปใช้ทำงานก็สะดวกเพราะพกง่าย  ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องที่เบา จะใช้เล่นเกมก็สามารถเล่นได้หลากหลาย แม้ตัวเครื่องจะขาดไฟ RGB ที่ดูฉูดฉาดไป แต่ความแรงของตัวเครื่องที่ได้มานั้นก็สามารถทดแทนในส่วนรายละเอียดเล็กๆ ไปได้ และยิ่งมาในราคาช่วงกลางๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาพอสมควรค่ะ ขอสรุปว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เหมาะกับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อโน๊คบุ๊คสำหรับใช้ทำงานเอกสาร + เล่นเกมกับแก๊งเพื่อนๆ ได้ถึงถ้าต้องการโน๊คบุ๊คเครื่องเดียวที่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่างในราคาที่คุ้มค่ากับการจ่ายไปโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกันค่ะ
17 Sep 2020
Lenovo เปิดตัวโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งใหม่ ที่มาพร้อมกับสเปคสุดแรงในราคาที่จับต้องได้!
Lenovo นับเป็นแบรนด์สินค้า IT ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดเกมบ้านเราในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งต้วผมเองก็ยอมรับว่าแบลนด์นี้ขายสินค้าในราคาที่ไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ และวันนี้ทางเรา GameFever Th ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเปิดตัวโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตัวใหม่จากทาง Lenovo ด้วย โดยต้องบอกเลยว่า เจ้าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับสเปคสุดแรงในราคาที่จับต้องได้ครับ! Lenovo Ideapad Gaming 3 และ Legion 5 คือชื่อของโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะมีการเปิดตัวเมื่อเช้านี้ครับ โดย Ideapad Gaming 3 จะเป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาไม่แพง แต่ยังคงมาพร้อมกับสเปคของเครื่องที่แรงพอสมควร ซึ่งราคาของรุ่นนี้จะมี 2 แบบคือรุ่นที่ใช้การ์ดจอ GTX 1650 กับรุ่นที่ใช้ GTX 1650Ti ทั้งสองรุ่นมีราคาต่างกันเพียงแค่ 2,000 บาทเท่านั้น สามารถดูรายละเอียดของสินค้า และของแถมได้ข้างล่างนี้! ในส่วนของ Legion 5 จะเป็นรุ่นที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง โดยสเปคของรุ่นนี้จะมี 2 รุ่นให้สามารถเลือกซื้อได้ในตอนนี้เช่นกัน โดย จะแตกต่างกันแค่ในส่วนของการ์ดจอเช่นกันโดยตัวแรก จะมาพร้อมกับ CPU Ryzen 7 4000H กับการ์ดจอ 1660Ti ในราคา 36,900 บาท ส่วนตัวที่ 2 จะมาพร้อมกับ CPU Ryzen 5 4000H ที่ลดลงมา 1 ขั้น แต่ได้การ์ดจอเป็น RTX 2060 แทน ซึ่งรุ่นนี้ก็มีราคาอยู่ที่ 36,900 บาทเช่นกัน แถมพิเศษถ้าหากซื้อก่อนวันที่ 30 กันยายนนี้ จะได้รับแรมไปเลยๆ ฟรีอีก 8 GB ด้วย ส่วนสำหรับใครที่ต้องการให้สุดไปเลยทั้งฝั่ง CPU และ GPU ดูเหมือนว่าในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการวางขาย Legion 5 ที่ ใช้ทั้ง CPU Ryzen 7 4000H + RTX 2060 ด้วย ก็ขอให้รอกันอีกนิดครับ (ป.ล Legion 5 ได้ของแถมอื่นๆ แบบเดียวกับที่ Ideapad Gaming 3 ได้ด้วยนะ)
10 Sep 2020
สัมผัสประสบการณ์เกมมิ่งเหนือจินตนาการกับ Samsung Odyssey G9 และ G7
ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการใช้จอมอนิเตอร์แบบโค้ง เริ่มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ่นในหมู่ผู้เล่นบนเครื่อง PC เพราะจอมินิเตอร์ประเภทนี้จะช่วยให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับโลกของเกมมากขึ้น เนื่องจากภาพที่เราเห็นมันไม่ได้แบนราบ เหมือนใช้จอมินิเตอร์ปกติ วันนี้ทาง Samsung ได้มีการเปิดตัวจอมินิเตอร์สำหรับเล่นเกมใหม่ในชื่อ Samsung Odyssey G9 และ Samsung Odyssey G7 ซึ่งต้องขอออกตัวก่อนเลยว่ามอนิเตอร์สองตัวนี้ จะช่วยให้เราเข้าถึงโลกของเกมได้มากกว่าที่เคยเป็นมาครับ ก่อนจะเริ่มพรรณนาถึงความสุดยอดของเกมมิ่งมอนิเตอร์ใหม่นี้ ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นสเปคของ เจ้าจอสุดเทพตัวนี้ก่อนครับ จากรูปจะสังเกตุได้ว่าตัวจอรุ่นใหญ่สุดอย่าง G9 นั้นได้ใส่เทคโนโลยีหลายอย่างที่ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์มาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Refresh Rate ที่สูงถึง 240Hz, Response Time ที่สั้นแค่ 1ms(GTG) ,Resolution ระดับ DQHD(5,120*1,440), รองรับเทคโนโลยี G-Sync กับ FreeSync 2 หรือ Display แบบ QLED ที่จะทำให้สีของหน้าจอสวยสดงดงาม นอกจากนี้ด้วยความที่ตัวจอของเจ้า G9 นี้ มีความคมชัดระดับ DQHD มันจึงทำให้เราสามารถแบ่งการใช้ง่านหน้าจอได้อย่างหลากหลาย จอตัวนี้ยังให้ผู้ใช่งานสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็น QHD สองจอแบบซ้าย และขวา สำหรับการใช้งานหลายอย่างพร้อมกันได้ด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์สายสตรีม หรือคนที่ชอบเล่นเกมไปด้วยดู Youtube หรือ Netflix ไปด้วยอย่างดี ในส่วนของดีไซน์ ก็ต้องบอกเลยว่าทั้งตัว G9 และ G7 นั้น ออกแบบมาได้สวยทันสมัยเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการให้ PC ของตัวเองดูเท่ สวยคูล ยิ่งสำหรับคนที่ต้องการทำให้ PC ของตัวเองอยู่ในธีมสีขาวด้วยแล้ว คงต้องบอกว่าเจ้า Samsung Odyssey G9  คือสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่อย่างแน่นอนครับ นอกจากในเรื่องของดัไซน์แล้ว ทางผู้พัฒนายังได้คำนึงถึงเรื่องของ Lighting ด้านหลังจอ ที่จะใช้ให้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานมีความสวยล้ำสมัยไปอีกขั้น สำหรับสานที่ประกอบ PC แบบ High End แล้วคิดว่าเจ้า G9 และ G7 ใหม่จากทาง Samsung นี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดครับ [caption id="attachment_65664" align="aligncenter" width="1024"] ผู้เขียนไปลองเล่นมาแล้วบอกเลยว่า สุดยอดมากๆ[/caption]
28 Aug 2020
รีวิว Asus Rog Zephyrus G GA502DU โน๊ตบุ๊คแรง ในราคา 35,900 บาท
การจะมีคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊คดีๆ สักตัวไว้ใช้ทำงาน หรือเล่นเกมในช่วงที่ใครหลายคนโดนกักตัวอยู่บ้านแบบนี้ ดูเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งนับเป็นโชคดีของพวกเรา GameFever Th ที่ทาง AMD ได้ส่ง Asus Rog Zephyrus G GA502DU มาให้เราได้ลองใช้งานเป็นเวลา 2 อาทิตย์ ก็ต้องขอขอบคุณทาง AMD ด้วยครับ วันนี้ก็เลยจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกันว่าเจ้าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่มีราคาเพียงแค่ 35,900 บาท ตัวนี้มีดียังไงบ้าง บอกเลยว่าเหนือความคาดหมายแน่นอนครับ สเปคของ Asus Rog Zephyrus G GA502DU โดยเจ้าโน็คบุคเกมมิ่งตัวนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า Asus ROG Zephyrus G GA502DU-AZ051T ซึ่งมาพร้อมกับ CPU AMD Ryzen 7 3750H กับการ์ดจอ GeForce GTX1660Ti Max-Q Design 6GB GDDR6 และ Ram DDR4 ถึง 16 GB แถมยังมาพร้อมกับจอที่มีค่า Refresh Rate สูงถึง 240Hz ซึ่งนับว่าค่อนข้างที่จะแรงทีเดียวในปัจจุบัน  เพื่อให้เห็นภาพตรงกัน ผมจะขอทำการแปะสเปคเต็มๆ ของเครื่องไว้ข้างล่างนี้ครับ CPU: AMD Ryzen 7 3750H GPU: NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q (6GB GDDR6) Size: 15.6 inch (1920x1080) Full HD Panel Type: IPS Anti Glare – จอด้าน Refresh Rate: 240 Hz Ram: 16 GB DDR4 Storage: 512 GB SSD PCIe M.2 Weight: 2.10 kg OS: Window 10 Home ซึ่งเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้มีอยู่ 2 จุดที่ผู้เขียนรู้สึกแปลกใจมากๆ โดยจุดแรกก็คือในเรื่องของความบางของเครื่องที่มีขนาดเพียงแค่ 20.4 มิลลิเมตร (ประมาณความสูงของเหรียญ 5 บาท) กับน้ำหนักเพียงแค่ 2.10 Kg เท่านั้นครับ เรียกได้ว่าน่าจะถูกใจเกมเมอร์สายที่ชอบพกโน๊ตบุ๊คติดตัวไปด้วยตลอดเวลาอย่างแน่นอนครับ ส่วนอีกจุดหนึ่งก็คือ จอของตัวโน๊ตบุ๊คที่มีค่า Refresh Rate สูงถึง 240 Hz ทั้งยังเป็นจอแบบ IPS ที่สามารถให้สีได้สวยที่สุดอีกด้วย เพราะปกติจอ IPS ทั่วไปที่มีค่า Refresh Rate ถึง 240 Hz จะมีราคาที่แพงมาก จึงไม่คิดว่าในโน๊ตบุ๊คราคาเพียงแค่ 35,900 จะได้จอแบบนี้มาด้วยครับ ถ้าจะมีจุดที่เป็นข้อเสียของตัวเครื่องเลย คงจะเป็นในเรื่องของพัดลมเครื่องที่จะมีเสียงค่อนข้างดังเมื่อทำงานเต็มที่ แต่ไม่ถึงขนาดดังจนสร้างความรำคาญถ้าหากว่าใส่หูฟังในการเล่นเกมครับ และจริงๆ เสียงของพัดลมที่ดังมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊คทำงานอย่างเต็มที่ ผมเลยรู้สึกว่าในจุดนี้ไม่ถึงกับเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงอะไรครับ อีกจุดที่เป็นข้อเสีย ก็คือในเรื่องของหน่วยความจำที่ให้มาแค่ 512 GB เท่านั้นครับ ดังนั้นถ้าเกิดว่าจะนำเจ้าเครื่องนี้ไปใช้งานเป็นเครื่องหลักแล้วละก็ อาจจะต้องมีการเพิ่มหน่วยความจำให้กับเครื่องนิดหน่อยครับ แต่นอกนั้นก็ถือได้ว่าเจ้า Zephyrus G GA502DU นี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่ดีมากๆ ครับ ความสามารถของเครื่องเมื่อเล่นเกม แน่นอนว่าในเมื่อเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งสิ่งที่เราจะเอามาใช้งานหลักๆ ก็คงจะเป็นการนำไปเล่นเกมเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งตัวผมก็ได้ทดลองนำเจ้า Asus ROG Zephyrus G GA502DU ไปทดลองเล่นเกมมา 3 เกมด้วยกัน นั้นก็คือ Battlefield V, Far Cry 5 และ Assassins Creed Odyssey โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็ค่อนข้างน่าพอใจครับ โดยเกมแรก Battlefield V ผมได้ทำการตั้งค่ากราฟฟิกของเอาไว้ที่ Ultra ทั้งหมด น่าเสียดายที่เกมนี้ไม่ได้มีตัว Benchmark มาให้ด้วยผมเลยต้องเข้าไปเล่นในเกมเอง แล้วสังเกตซ้ายบนของหน้าจอเองว่า โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้สามารถเล่นเกมนี้ได้ในค่า FPS เท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจครับ ตัวเกมรันอยู่ที่ 45-75 FPS และมีค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65 FPS  ทำให้ตอนเล่นภาพลื่นมากๆ แทบจะไม่มีอาการกระตุกเลยครับ ต่อมาด้วยเกมที่สอง Far Cry 5 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีกราฟิกสวยมากๆ โดยเกมนี้ตัวเกมแนะนำการตั้งค่ากราฟิกมาให้อยู่ที่ High ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับการตั้งค่าเลย แล้วกด Benchmark ไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ ก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม ตัวเกมรันอยู่ที่ 46 - 82 FPS และมีค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ 68 FPS ครับ ปิดท้ายด้วย Assassins Creed Odyssey โดยคราวนี้ผมได้ทำการดันคุณภาพกราฟิก ขึ้นอีก 1 ระดับจากที่ตัวเกมแนะนำมาให้ แล้วเริ่มกด Benchmark ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ ก็ยีงถือว่าเป็นที่น่าพอใจในเกมที่ไม่ได้ต้องการความลื่นไหลมากมายอะไรอย่างเกมนี้ ตัวเกมรันอยู่ที่ 21 - 66 FPS และมีค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ 42 FPS ครับ สรุป Asus ROG Zephyrus G GA502DU-AZ051T ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่มีราคาดีมากๆ เมื่อเทียบกับสมรรถนะของ Hardware ที่ได้มา ส่วนในเรื่องของความร้อนนั้น ผมสามารถเล่นเกมหนักๆ ในห้องพัดลมตั้งแต่ช่วงเวลา 13.00 - 16.00 ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นถ้าหากว่าปกติเล่นในห้องแอร์อยู่แล้ว หมดห่วงเรื่อง Overheat ไปได้เลยครับ โดยภาพรวมทั้งหมดแล้วถึงแม้ว่า Zephyrus G GA502DU จะไม่ใช้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง High End ที่ถึงจะปรับกราฟิกของเกมเป็น Max ทุกอย่าง แล้วก็ยังสามารถดันค่า FPS ขึ้นไปได้สูงถึงหลักร้อยได้ แต่ Zephyrus G GA502DU ก็ยังถือเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่มีสมรรถนะที่ดี และมีราคาไม่แพงเกินไปครับ ถ้าหากว่าใครกำลังหาโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมในราคาไม่แพงเกินไป ผู้เขียนค่อนข้างเชียร์ตัวนี้เลยครับ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
10 Apr 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "GameFever Tech"
Gabe Newell: เทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ (BCI) จะสร้างเกมที่ เหนือกว่าความเป็นจริง
มีให้เห็นในหนังหรืออนิเมะมาแล้วมากมายกับเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) หรือการสื่อสารระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ผ่านคลื่นสัญญาณ เช่นในอนิเมะยอดฮิต Sword Art Online ที่มีเครื่อง NerveGear ที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ราวกับเข้าไปอยู่ในโลกแฟนตาซี ผ่านการกระตุ้นประสาทส่วนต่างๆ ทั้งการมองเห็น การได้ยิน หรือกระทั่งการสัมผัสและการรับรู้กลิ่น ล่าสุด ดูเหมือนว่าเราอาจจะมีโอกาสได้เห็นเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้สร้างเกมจริงๆ ในอนาคตก็เป็นได้ เมื่อผู้บริหารชื่อดังของบริษัท Valve คุณ Gabe Newell ได้ให้สัมภาษณ์กับช่องข่าว 1 NEWS ของประเทศนิวซีแลนด์ว่าบริษัทของเขากำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยี BCI ที่ว่านี้อยู่ เพื่อให้ผู้พัฒนาที่สนใจสามารถนำไปใช้ในการสร้างประสบการณ์เกมแห่งอนาคตให้กับผู้เล่นในลักษณะ Open Source (คือสามารถร่วมกันใช้และพัฒนาได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์) ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณ Gabe ยอมรับว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันยังอยู่ในขั้นแรกเริ่มเท่านั้น และคงยังไม่สามารถมอบประสบการณ์โลกเสมือนจริงที่เราเห็นๆ กันในหนังได้ แต่เขามองว่าการที่ผู้พัฒนาเกมสามารถติดตามคลื่นสมองของผู้เล่นได้ตลอดเวลาอาจจะทำให้พวกเขาสามารถสร้างประสบการณ์ที่มีการตอบสนองต่อผู้เล่นได้มากขึ้น เช่นถ้าคลื่นสมองของผู้เล่นแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเบื่อ เกมก็อาจจะส่งศัตรูหรือฉากต่อสู้ที่ดุเดือดมากขึ้นมาให้เล่น หรือถ้าเห็นว่าผู้เล่นเริ่มง่วง ก็อาจจะแทรกจังหวะผีหลอกให้สะดุ้งขึ้นมาได้เป็นต้น คุณ Gabe ยังกล่าวถึงอนาคตของเทคโนโลยีนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ (หรืออาจจะน่ากลัวสำหรับบางคน) โดยเขาบอกว่าถ้าสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้ถึงระดับที่ควบคุมหรือปรับแต่งคลื่นสมองของผู้ใช้ได้ เราอาจจะได้พบกับโลกเสมือนจริงที่ "สมจริง" ยิ่งกว่าโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก "เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราสามารถสร้างประสบการณ์ต่างๆ ให้กับผู้ใช้ได้โดยที่ไม่ต้องใช้อวัยวะหรือกายหยาบของเราเป็นตัววัดอีกต่อไป (เช่นไม่ต้องใช้ตามองก็เห็นภาพได้จากการปรับแต่งคลื่นสมองโดยตรง) เราก็จะสามารถทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพที่คมชัดหรือสีฉูดฉาดกว่าที่ลูกตาของเราจะสามารถรับได้ เหมือนที่เห็นในหนังเรื่อง The Matrix นั่นแหละ แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้นขึ้นไปอีก" ถ้าให้นึกภาพตอนนี้ คงยังไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าถ้าเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขั้นที่คุณ Gabe กล่าวถึงแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่แค่คิดว่าเราอาจจะได้เล่นเกมแบบที่เห็นในหนังหรืออนิเมะซักวันก็น่าตื่นเต้น (หรืออาจจะน่ากลัว) ไม่ใช่น้อย! Credit: PCGamer
26 Jan 2021
ผู้ผลิต Gaming PC รับสมัครพนักงานประจำตำแหน่ง นักเล่นเกม เงินเดือนต่อปีกว่า 1.2 ล้าน?!
หากคุณเป็นคนที่ใฝ่ฝันอยากจะ "นั่งเล่นเกมเฉยๆ" เป็นอาชีพ (คือนั่งเล่นเฉยๆ จริงๆ นะไม่ใช่เป็นนักกีฬา E-sport) อาจจะมีข่าวดีซะแล้ว เมื่อล่าสุดทางบริษัท OPSYS ผู้ผลิต Gaming PC สัญชาติอังกฤษได้ออกมาประกาศรับสมัครงานตำแหน่ง Gamer เพื่อมาดูแลฝ่าย Overpowered User Experience (ฝ่ายดูแลประสบการณ์ผู้ใช้บ้าพลัง) โดยมีค่าตอบแทนสูงถึงปีละ 30,000 ปอนด์ (ราว 1.22 ล้านบาท) ต่อปีเลยทีเดียว! จากคำประกาศรับสมัครงาน ดูเหมือนว่าผู้ที่ทำงานในตำแหน่งนี้จะมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ "เล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ของบริษัท" โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้: ไม่เอาพวกเกรียนเกม (trolls) เราอยากได้คนที่สามารถใช้เวลาทุกลมหายใจลงไปกับการเล่นเกมด้วยตัวเอง มากกว่าพวกที่ชอบสิงสู่อยู่ในช่องคอมเมนต์ของเกมเมอร์ที่จริงจังกว่า คุณต้องรับรู้ทุกกระแสในวงการเกม ต้องเข้าถึง Meta และ Meme ของแต่ละเกม และสามารถหาวิธีขึ้นเป็นที่หนึ่งในเกมนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ต้องเป็นเกมเมอร์สาย Solo หากจำเป็นต้องมีทีมเพื่อเล่นเกมด้วยกันไม่ต้องสมัครมา ต้องมีความเป็นตัวของตัวเองสูง นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันว่าผู้ที่ทำงานตำแหน่งนี้จะสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้ โดยผู้ที่สนใจจะต้องยื้นใบสมัครที่ประกอบไปด้วย: คลิปสั้นๆ ความยาว 60 วินาที (จะทาง YouTube, Twitch, หรือ Instagram ก็ได้) ที่อธิบายว่าทำไมคุณถึงเหมาะจะรับตำแหน่ง Gamer ของบริษัทเพื่อเล่นเกมเป็นอาชีพแบบเต็มเวลา อัปโหลดคลิปนั้นขึ้นไปบนทวิตเตอร์ (ในกรณีที่ไม่ได้ใช้ Instagram อยู่แล้ว) พร้อมติดแท๊ค @OPSYS_gaming และ #OPSYSDreamJob หากมีประสบการณ์ในการทำงานในสายอื่นที่ไม่ใช่เกม ต้องอธิบายด้วยว่าจะช่วยให้คุณเป็น Gamer ที่ดีขึ้นอย่างไร หากคุณสนใจจะเป็น Gamer มืออาชีพ สามารถส่งคลิปวิดีโอสมัครงานตามเงื่อนไขด้านบนได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 9 เมษายน 2021 โดยบริษัทจะทำการทยอยเรียกสัมภาษณ์ผู้สมัครที่เข้าตาถึงวันที่ 12 กรกฏาคมนี้ และจะประกาศผลการสัมภาษณ์ในวันที่ 19 กรกฏาคม ก่อนที่จะเริ่มงานจริงในวันที่ 1 สิงหาคม 2021 จ้า เอาจริงๆ ก็ยังมีคำถามเต็มไปหมดว่าหน้าที่ของตำแหน่งนี้จะมีแค่การเล่นเกมจริงๆ หรือ? แล้วจะต้องเล่นเกมอะไรบ้าง? ต้องเล่นวันละกี่ชั่วโมง? และอื่นๆ อีก แต่ถ้าใครอยากจะลองสมัครดูก็ไม่น่ามีอะไรเสียหายนะ! Credit: PCGamer 
26 Jan 2021
ไขข้อของใจ จอ Refresh Rate สูง และ Response Time ต่ำ ช่วยให้เล่นเกมดีขึ้นอย่างไร?
ในปัจจุบันการเลือกซื้อจอมอนิเตอร์ หรือทีวีดีๆ หนึ่งตัวมาใช้เล่นเกม เป็นสิ่งที่เหล่าเกมเมอร์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยการที่จอหนึ่งตัวจะถูกพิจารณาซื้อมาใช้งานก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่จำเป็นต้องมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ขนาด, สี, ดีไซน์, ราคา หรือพอร์ตการเชื่อมต่อที่รองรับ ซึ่งในยุคหลังๆ Refresh Rate กับ Response Time ก็เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่เหล่าเกมเมอร์นำมาใช้พิจารณาด้วย Refresh Rate ที่สูง กับ Response Time ที่ต่ำ ถูกเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกมเมอร์สามารถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และควรค่าแก่การหามาใช้หากชอบเล่นเกมที่จำเป็นต้องแข่งขันกับผู้อื่น แต่เพื่อนๆ เข้าใจกันจริงๆ หรือไม่ว่าค่าทั้ง 2 ช่วยให้เราเล่นเกมได้ดีขึ้นอย่างไร? ถ้านั้นคือสิ่งที่สงสัยอยู่ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังในบทความนี้ครับ Refresh Rate กับ Response Time คืออะไร? ทำงานยังไง? จริงๆ แล้วทั้ง 2 ค่า ไม่ใช่สิ่งที่ไม่อยู่แค่ในจอ Monitor ครับ หากแต่มีอยู่ในอุปกรณ์ส่งภาพทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น จอคอม, ทีวี, หรือว่าหน้าจอโทรศัพท์ โดย Refresh Rate คือจำนวนภาพต่อวินาทีที่จอสามารถแสดงผลได้ ส่วน Response Time คือความเร็วที่จอใช้ ในการเปลี่ยนจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่งครับ ซึ่งผมจะขออธิบายขยายความเพิ่มเติมต่อไปข้างล่างนี้ Refresh Rate   หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วจอ Monitor, LCD, LED หรือจออะไรก็ตามในโลกนี้ มันแสดงผลภาพเคลื่อนไหวให้เราเห็นด้วยการกะพริบที่เร็วมากๆ ครับ ยิ่งจอดังกล่าวแสดงผลภาพต่อวินาทีได้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเห็นการเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอัตราการแสดงผลขั้นต่ำจะอยู่ที่ 60 ครั้งต่อวินาที และเราเรียกจอเหล่านี้ว่า "จอที่มี Refresh Rate 60Hz " ดังนั้นจอที่มี  Refresh Rate 144Hz จึงหมายถึงจอที่สามารถแสดงผลภาพได้สูงสุด 144 ภาพต่อวินาที, จอที่มี Refresh Rate 240Hz ก็จะสามารถแสดงผลภาพได้สูงสุด 240 ภาพต่อวินาที ซึ่งความลื่นไหลของการเคลื่อนไหวที่เราได้เห็นจากจอทั้ง 3 แบบ (60Hz, 144Hz และ 240Hz) จะแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งมีความสามารถแสดงผลต่อวินาทีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้นครับ ชมวิดีเปรียบเทียบได้ข้างล่างนี้ โดยสามารถสังเกตได้ว่า การเคลื่อนไหวของตัวละครที่เราเห็นจะมีความ "วาร์ป" น้อยกว่า ดังนั้นการจะเล็งยิงในเกมแนว FPS จึงสามารถทำได้ง่ายกว่ามาก หากใช้จอที่มีค่า Refresh Rate สูงๆ ในเกมประเภทอื่นอย่าง Fighting กับ MOBA เองก็จะช่วยทำให้เราสามารถกะจังหวะป้องกัน, หลบการโจมตี, ออกท่าโจมตี หรือตอบสนองกับสิ่งรอบข้างได้ง่ายกว่าเช่นกันครับ Response Time  ถ้าเพื่อนๆ กำลังเข้าใจว่า "มันหมายถึงการที่เราคลิกเมาส์แล้ว ตัวละครในเกมขยับตามเร็วขนาดไหน" อันนี้เพื่อนเข้าใจผิดครับ (อันนั้นเรียก Input Lag) ความหมายจริงๆ ของ Response Time หมายถึงเวลา Pixel จำเป็นต้องใช้เพื่อนเปลี่ยนสีจาก 1 สีไปเป็นอีก 1 สีในช่องของตัวเอง ซึ่งยิ่งมันต่ำเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เกิด Motion Blur กับ Ghosting น้อยลงเท่านั้น เนื่องจากจอสามารถเปลี่ยนสีได้ทัน บางคนอาจสับสนว่า "แล้วมันต่างจาก Refresh Rate ยังไง" ถ้าเอาแบบเข้าใจง่ายๆ คือ Response Time คือค่าที่ช่วยให้สีที่เราได้ของแต่ละภาพที่กะพริบอยู่บนหน้าจอมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น หมายความว่ายิ่งค่านี้ต่ำเท่าไหร่ สีของภาพที่เราเห็นเวลาเคลื่อนเร็วๆ ก็จะผิดเพี้ยนน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นเราจะแทบไม่เห็น Motion Blur หรือ Ghosting เลยในจอที่มี Response Time 1 ms ครับ (ดูภาพประกอบให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ข้างล่าง) จะสังเกตได้ว่าภาพที่เราเห็นเวลาวัตถุเคลื่อนที่เร็วๆ ในจอที่มี Response Time ต่ำกว่าจะเห็นรายละเอียดของภาพได้ชัดเจนกว่า ซึ่งมันจึงทำให้การเอาจอที่มี RT ต่ำๆ มาเล่นเกมแล้ว เราจึงสามารถเล่นได้ดีกว่า เนื่องจากเกมส่วนใหญ่ในปัจจุบัน (โดยเฉพาะแนวที่ให้ผู้เล่นแข่งขันกันเอง) มักจะมีการเคลื่อนไหวของมุมกล้อง หรือตัวละครที่เร็วมากๆ การเห็นภาพทุกอย่างได้ชัดเจนกว่า ก็จะทำให้เพื่อนๆ สามารถตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นได้ดีกว่าครับ ดังนั้นคำตอบของคำถามที่ว่า "จอ Refresh Rate สูง และ Response Time ต่ำ ช่วยให้เล่นเกมดีขึ้นอย่างไร? " คำตอบขอบมันก็คือ "เพื่อนๆ จะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างได้ชัดเจนมากขึ้น มี Motion Blur ที่น้อยลง จนสามารถตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างได้ดีขึ้น แต่สุดท้ายแล้วจะส่งผลมากน้อยขนาดไหน ก็ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเล่นเกมนั้นๆ ของตัวเพื่อนๆ เองอยู่ดีครับ" แบบนี้เวลาซื้อจอ TV มาเล่นเกมคอนโซล ควรดูเรื่องพวกนี้ด้วยรึเปล่า? เนื่องจากพอร์ต HDMI ของเครื่อง PS5 รองรับ Refresh Rate ได้สูงสุดถึง 120 Hz ถ้าเพื่อนอยากได้ประสบการณ์เกมที่ยอดเยี่ยมการหา TV ซึ่งมี Refresh Rate ที่สูงเท่ากันมาเตรียมถือเป็นเรื่องที่เข้าใจถูกต้อง (ป.ล TV ปกติมักจะมี Refresh Rate อยู่ที่ 60 Hz ดังนั้น TV ที่มี Refresh Rate 120 Hz จึงมีราคาแพงมาก) แต่อย่าลืมว่าการที่จอแบบนั้นจะได้ผลดีที่สุดคือการที่ตัวเกมสามรถรันได้ถึง 120 FPS ด้วยในเวลาเดียว (ถ้าหากจอ 120 Hz แต่เกมรันได้แค่ 60 FPS ก็คือไม่มีประโยชน์อะไรเลยนั่นเอง) แต่เกมส่วนใหญ่ที่เล่นบนเครื่อง PS5 รวมถึง Xbox Series X ได้ในตอนนี้ สามารถทำได้แค่ 4K / 60 FPS เท่านั้น ดังนั้นการซื้อ TV ที่มี Refresh Rate 120 Hz จึงเป็นสิ่งที่เปลืองเงิน และไม่รู้เอามาทำไมในความคิดผมครับ ถ้าถามว่า "แล้วควรซื้อ TV แบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งานมากที่สุด? " ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นจอ 4K / 60 Hz ที่มีสีสวยๆ คือตอบโจทย์มากที่สุดครับ เนื่องจากเกมส่วนใหญ่ที่เราเล่นบนคอนโซล มักไม่ใช่เกมที่ต้องแขนขันกับใคร ดังนั้นหา TV สีสวยๆ เอามาดื่มด่ำไปกับกราฟิกที่สวยงามของเกม จะเป็นอะไรที่ดีต่อประสบการณ์ของเพื่อนๆ มากกว่าครับ และนี้ก็ตอบคำถามในเรื่องของว่า "จำเป็นต้องมี Response Time ต่ำๆ ด้วยรึเปล่า? " ในเวลาเดียวกันครับ (ก็คือไม่จำเป็นต้องเอามาคิดเลยครับ) ข้อควรระวังที่หลายคนอาจมองข้ามไป เป็นยังไงบ้างครับ บทความตัวนี้ช่วยไขข้อข้องใจให้กับเพื่อนๆ ได้รึเปล่า? แต่ก่อนจะออกไปหาซื้อจอที่มี Refresh Rate สูง กับ Response Time ต่ำ อยากให้ถามตัวเองก่อนว่า "ได้เล่นเกมที่จำเป็นต้องใช้จอแบบนี้รึเปล่า? เราได้เล่นเกมที่จำเป็นต้องแข่งขันเยอะหรือไม่? " และอย่าลืมว่าการจะใช้ประโยชน์จากจอเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ เครื่อง PC หรือคอนโซลของเพื่อนๆ จำเป็นต้องสามารถดัน FPS ได้สูงเทียบเท่ากันด้วย (ถ้าซื้อจอ 144 Hz เกมต้องรันได้ 144 FPS ถ้าซื้อจอ 240 Hz เกมก็ต้องรันได้ 240 FPS) ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่ได้มี PC แรงมากๆ สิ่งแรกที่เพื่อนๆ ควรเริ่มคือการอัพเกรดเครื่องของตัวเองให้แสดงผลภาพต่อวินาทีได้สูงๆ เสียก่อน ส่วนทางฝั่งคอนโซล ก็อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่า ปัจจุบันเครื่องคอนโซลสามารถรันได้แค่ 4K / 60 FPS เท่านั้น บวกกับเกมส่วนใหญ่ไม่ได้จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร ดังนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องหา TV ซึ่งมี Refresh Rate สูง และ Response Time ต่ำ มาใช้ เอาเงินไปซื้อตัวที่มีสีสวย และฟังก์ชันโดนๆ ตอบสนองการใช้งานของเพื่อนๆ ได้จะดีกว่าครับ
18 Jan 2021
รีวิว Alienware AW2521H จอ 24.5 นิ้วที่ยัดคุณภาพการเล่นเกมมาแบบเกิน 100%
การเล่นเกมบนเครื่อง PC หนึ่งในสิ่งสำคัญที่เกมเมอร์หลายคนให้ความสนใจก็คือในเรื่องของจอ Monitor ดีๆ ที่จำเป็นต้องมี Option หลายอย่าง ซึ่งช่วยเสริมประสบการณ์ที่ดีในการเล่นเกมให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีขนาดพอเหมาะกับประเภทของเกมที่เล่น, Response Time ที่ต่ำ, Refresh Rate ที่สูง รวมไปจนถึง Port การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ตลาด Monitor ในปัจจุบันมีสินค้าจากหลายแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็น Samsung Odyssey, Acer Predator, BenQ Zowie, MSI หรือ Asus ROG โดย Dell Alienware เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และวันนี้ผมก็มีจอ Monitor ดีๆ อีกหนึ่งรุ่น ขนาดประมาณ 25 นิ้ว มาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน Alienware AW2521H คือชื่อรหัสของรุ่นดังกล่าว แม้ว่า Monitor ที่มีขนาดไม่ถึง 27 นิ้ว จะเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงแล้วในปัจจุบัน แต่เจ้าจิ้ว 24.5 นิ้วนี้ มาพร้อมกับฟังก์ชันยอดเยี่ยมหลายอย่างที่เพื่อนๆ จะไม่ผิดหวังแน่นอนถ้าหากซื้อมาใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบเล่นเกมแนว Competitive ครับ เกริ่นนํามาขนาดนี้เชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะอยากรู้กันแล้วว่าเจ้าจอตัวนี้มีอะไรดี งั้นเรามาเริ่มจากสเปคกันก่อนเลยแล้วกันครับ คุณสมบัติทางเทคนิค Screen Size : 24.5 Panel Type : IPS Resolution (max.) : 1920 x 1080 Response Time: 1ms (gray to gray) - Extreme Mode Refresh Rate :  360Hz (Native with DP) / 240Hz (Native with HDMI) Aspect Ratio : 16:9 Color Gamut : 99% sRGB Port :  2 x USB 3.2 Gen1 (support for NVIDIA Reflex Latency Analyzer) 2 x USB 3.2 Gen1 (5 Gbps) downstream port (rear) 1 X USB 3.2 Gen1 (5 Gbps) upstream port (rear) Input Connectors 2 x HDMI (ver 2.0) 1 x DP 1.4 (rear) 1X Audio line-out jack (rear) อ่านแล้วเชื่อว่าหลายคนน่าจะกำลังสงสัยว่า "เป็นไปได้ด้วยเหรอที่จะมีสีแบบ 99% sRGB ในจอ 360Hz ?" ซึ่งตอนแรกผมก็ตั้งคำถามแบบเดียวกันครับ จนเมื่อได้ใช้งานจอนี้ด้วยตัวเอง ก็ได้แต่ต้องยอมรับว่า "มันมีอยู่จริงข้างหน้าเราเนี่ยแหละ" เหนือสิ่งอื่นใดคือมาพร้อมกับ Response Time: 1ms ด้วย ดังนั้นจอตัวนี้จะเล่นเกม หรือดูหนัง ก็ถือได้ว่าผ่านทั้งหมดครับ ในเรื่องของดีไซน์ ก็คงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เจ้า AW2521H เรียกได้ว่ามีสีส่วนใหญ่เป็นสีเทากับดำ ดูเรียบหรู และแพง นอกจากนี้ที่ด้านหลังของจอ ยังมีการยิงไฟ RGB สลับสีไปมาตลอดเวลา ช่วยให้ลดภาระของสายตาลงไปได้เมื่อด้านหลังของจอเป็นกำแพงที่มีสีขาว หรือดำ ถือได้ว่าผู้ผลิตใส่ใจรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนจริงๆ ครับ ในเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อเองก็มีมาให้อยากหลากหลาย รองรับทุกการใช้งานจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น USB ที่ให้มาถึง 5 พอร์ต (รองรับเทคโนโลยี NVIDIA Reflex ทั้งหมด 2 ช่อง) หรือช่องสำหรับเสียบหูฟัง กับลำโพง ทั้งยังมี HDMI มาให้อีก 2 และ Display Port อีก 1 เอาง่ายว่าจะต่อคอมพร้อมกับ 2 เครื่อง บวก PS4 / PS5 อีก 1 ตัวก็สามารถทำได้สบายๆ เลย สุดท้ายคือในเรื่องของน้ำหนัก เนื่องจากเป็นจอที่มีขนาดเพียงแค่ 24.5 นิ้ว จึงทำให้น้ำหนักทั้งหมดของจอ (ไม่รวมขา) มีเพียงแค่ 4.5 กิโลเท่านั้น สามารถนำไปวางบนโต๊ะที่ท็อปเป็นกระจกได้สบายๆ หมดกังวลเรื่องรับน้ำหนักไม่ไหวไปได้เลยครับ ประสบการณ์ใช้งาน เกม ถ้าจะบอกว่า Alienware AW2521H เป็นจอที่เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ชาว PC อย่างแท้จริง คิดว่าคงไม่เกินเลยจากความเป็นจริงมากมายนัก ด้วยค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 360 Hz และ Response Time ที่ต่ำถึง 1ms คงต้องบอกว่าเจ้าจอ 24.5 นิ้วนี้เกิดมาเพื่อเกมเมอร์สาย Competitive ตลอดช่วงเวลา 1 อาทิตย์ที่ได้ใช้งานมา พบว่าความรู้สึกลื่นไหลที่ได้จากจอตัวนี้แตกต่างจาก จอ 144 Hz ที่ใช้เป็นประจำอย่างมาก และมันทำให้ตัวผมเองสามารถเล่นเกมที่ต้องแข่งขันกันได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ครับ อย่างไรก็ตาม จริงอยู่ที่ Alienware AW2521H เป็นจอที่มีค่า Refresh Rate สูง 360 Hz ซึ่งตอบโจทย์สำหรับการเล่นเกมที่จำเป็นต้องแข่งขันกัน แต่เครื่อง PC ของผู้ใช้งานเองก็จำเป็นต้องมี GPU และ CPU ที่แรงมากพอจะสามารถดัน FPS ภายในเกมไปจนถึง 360 FPS ได้ด้วยเช่นกันดังนั้นอยากให้คำนึงถึงจุดนี้ไว้ด้วยครับ (สามารถเข้าไปดูรายชื่อการ์ดจอแนะนำของพวกเราได้ผ่านลิงก์นึ้) ประสบการณ์ที่ได้จากเกม Single-Player เองก็เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าการที่มี Refresh Rate และ Response Time ที่สูงจะไม่ได้ส่งผลถึงอรรถรสที่ได้มากมายนัก แต่การเล่นเกมที่มีภาพที่ลื่นไหลมากกว่าย่อมเป็นประสบการณ์ที่ดีกว่าครับ และด้วยความที่จอตัวนี้มีค่าสีถูกต้องถึง 99% sRGB มันจึงทำให้เราสามารถสัมผัสกับความสวยงามของกราฟิกที่ผู้พัฒนาตั้งใจใส่มาให้เราได้ชมอย่างตื่นตาตื่นใจครับ ตัวผมเองได้มีโอกาสนำจอตัวนี้ไปเล่นเกม Cyberpunk 2077 ที่ใช้การตั้งค่ากราฟิกแบบเต็มแม็กหลายชั่วโมง ด้วยความที่เกมนี้มีกราฟิกที่สวยงามอันดับต้นๆ ของวงการในตอนนี้ พอเอามารวมกับจอภาพที่มีความลื่นไหลสูง ทั้งยังมีค่าสีที่ถูกต้องแล้ว มันทำให้เหมือนกับรู้สึกว่าได้หลุดเข้าไปในโลกของเกมจริงๆ โลกที่เราเห็นผ่านหน้าจออยู่นี้ราวกับว่ามันมีตัวตนอยู่จริงๆ เหมือนกับได้เข้าไปเดินอยู่ในเมือง Night City ทุกครั้งที่เห็นแสงสะท้อนจากวัตถุในเกมล้วนแต่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า จะสามารถหาประสบการณ์แบบเดียวกันจากจอตัวไหนได้อีกบนโลกใบนี้ ใช้งานทั่วไป (ทำงาน - ดูหนัง) เชื่อว่าไลฟ์สตรีมของเพื่อนๆ ชาว PC หลายคน ไม่ใช่ได้ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมเพียงแค่อย่างเดียว บางคนอาจทำงานที่บ้านผ่าน PC ของตัวเองอยู่ในตอนนี้ บ้างอาจเป็นงานเอกสารทั่วไป บ้างอาจเป็นงานกราฟิก หรือตัดต่อวิดีโอ ในเรื่องความตรงของสีที่ได้จากจอ Monitor จึงเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ จนส่งผลให้ไม่สามารถใช้งานจอสำหรับเล่นเกมทั่วๆ ไปที่เป็นแบบ VA หรือ TN ในการทำงานได้ แต่เจ้า Alienware ตัวนี้ไม่มีปัญหาดังกล่าวครับ เนื่องจากค่าสีที่ได้จากจอตัวนี้อาจตรงยิ่งกว่าจอ IPS ทั่วๆ ไปที่เราเห็นในตลาดเสียอีก (ดูได้ในภาพด้านล่างนี้) ดังนั้นจึงหมดกังวลเรื่องที่สีที่ได้จากจอจะไม่ตรง (สเปคของจอ IPS รุ่นหนึ่งที่มีราคาประมาณ 5,000 บาท สังเกตุว่าได้สีเพียงแค่ 87% sRGB) แม้ว่า 24.5 นิ้วจะไม่ใช้จอขนาดใหญ่ซึ่งเหมาะกับชมภาพยนตร์ ,การ์ตูน หรือคอนเสิร์ต แต่ก็กล่าวได้ว่าไม่ใช่จอที่เล็กเกินไปเช่นกัน กล่าวคือเป็นขนาดที่พอดีเหมาะกับการใช้งานในบ้าน สามารถเก็บรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ภายในฉากได้อย่างทั่วถึง และด้วยค่าสีที่ถูกต้องมาก จึงทำให้กราฟิกที่เราได้เห็นจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์น่าตื่นตาตื่นใจมากด้วยๆ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลยหากจะนำจอตัวนี้ไปใช้งานอย่างอื่นนอกจากเล่นเกมครับ ราคาเท่าไหร่ ? มาจนถึงตรงนี้คิดว่าเพื่อนๆ คงอยากรู้แล้วว่าเจ้า Alienware AW2521H มีราคาอยู่ที่เท่าไหร่ โดยจากหน้าเว็บไซต์ Official ของ Dell เองเลย จอตัวนี้มีราคาเต็มอยู่ที่ 969.99$ (ประมาณ 29,000 บาท) ซึ่งถ้าหากเพื่อนๆ เป็นคนที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเล่นเกม, ดูหนัง หรือทำงานผ่านหน้าจอทั้งหมด ตัวผมเองคิดว่าราคาดังกล่าวไม่แพงจนเกินไปเลย ถ้าหากใครสนใจก็ลองติดต่อสอบถามร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชั้นนำใกล้บ้านดู เชื่อว่าถ้าได้สัมผัสด้วยตัวเองเหล่าเกมเมอร์จะต้องถูกใจมากๆ อย่างแน่นอนครับ ก็จบไปแล้วกับรีวิว Alienware AW2521H จอ 25 นิ้วที่ยัดคุณภาพการเล่นเกมมาแบบเกิน 100% งานนี้ต้องขอขอบคุณทาง Dell จริงๆ ที่ส่งสินค้าดีๆ แบบนี้มาให้เราได้ทดลองใช้งาน ส่วนว่ารีวิว Hardware ชิ้นต่อไปจะเป็นอะไร มาจากแบรนด์ไหน? รอติดตามชมได้เลยครับ
11 Jan 2021
รู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนประสบการณ์เกมมิ่งของคุณได้
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในปี 2019 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวมาตรฐาน USB ใหม่จากทาง USB Implementers Forum ชื่อว่า USB4 ซึ่งมีกำหนดจะถูกเอามาใช้จริงในช่วง ปลายปี 2020 หรือก็คือช่วงนี้ และเชื่อหรือไม่ครับว่าเจ้าเทคโนโลยีสายเล็กๆ นี้อาจเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เกมมิ่งของเราชนิดคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ ได้รับความรู้ที่เต็มที่ และเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเจ้า USB4 นี้ มันยอดเยี่ยมยังไง ผมจำเป็นต้องเริ่มอธิบายก่อนว่า USB4 คืออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน, และสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยตัวบทความนี้อาจมีความยาวที่มากพอสมควร ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ USB4 คืออะไร USB4 คือเทคโนโลยีส่งข้อมูลแบบ External ตัวใหม่ล่าสุดที่ได้รับการยอมรับจากทาง USB Implementers Forum ซึ่งเป็นองค์กรที่คอยควบคุมดูแลมาตรฐานของสาย USB โดยเจ้าสายรับส่งข้อมูลเจเนอเรชันใหม่นี้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 40GB ต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่า USB 3.2 อีกเท่าตัว สายนี้จะมาในรูปแบบ Type-C เท่านั้น และไม่มีรูปแบบ Type-A ที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งเหตุผลที่ต้องทำให้ออกมาเป็น Type-C เท่านั้น ก็เพื่อให้สามารถเอาไปใช้งานร่วมกับสาย Thunderbolt 3 ได้ด้วย โดยการที่สามารถใช้ร่วมกันได้แบบนี้ จะส่งผลถึงวงการเกมพอสมควรในเรื่องของราคา Hardware แต่ผมจะขอกล่าวต่อไปข้างล่างนี้ครับ นอกจากนี้จากประกาศของทาง VESA ทำให้เทคโนโลยี DisplayPort 2.0 เอง ก็หันมาใช้สาย USB4 ในการส่งข้อมูลเช่นกัน ซึ่งเจ้า DisplayPort 2.0 เองก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เล่นเกมของเพื่อนๆ ไปเลยเช่นกัน และเหตุผลว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปก็อยู่ข้างล่างนี้แล้วเช่นกันครับ DisplayPort 2.0 คืออะไร หลายคนอาจคุ้นเคยกับการใช้สาย HDMI ในการต่อจอเข้ากับเครื่องเล่นเกม หรือคอมพิวเตอร์อยู่ในตอนนี้ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วถ้าหากเพื่อนๆ ต้องการใช้งานจอแสดงผลที่มีความละเอียดมากกว่า 4K และมีค่า Refresh Rate สูงกว่า 60 Hz แล้วละก็ เราจะไม่สามารถใช้สาย HDMI ในการเชื่อมต่อได้ ตัวสายมีขนาดของ Bandwidth ที่ไม่เพียงพอครับ โดยเทคโนโลยีล่าสุดของสาย HDMI คือ HDMI 2.0 ซึ่งมีขนาด Bandwidth เท่ากับ 18Gbps ดังนั้นจึงส่งผลให้สาย HDMI สามารถแสดงผลได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K กับค่า Refresh Rate ที่ 60 Hz ครับ ดังนั้นในส่วนนี้สาย DisplayPort 1.4 จึงเข้ามารับหน้าที่แทนเนื่องจากเป็นสายที่มีขนาด Bandwidth สูงถึง 32.4 Gbps  (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/120 Hz และ 8K/60Hz) นอกจากนี้เทคโนโลยี Nvidia G-Sync กับ AMD FreeSync เอง ก็สามารถทำงานผ่านสาย DisplayPort ได้เท่านั้นเช่นกัน เพื่อนๆ อาจสังเกตได้ว่าจอคอมพิวเตอร์แพงๆ ที่มีความละเอียดสูง มีค่า Refresh Rate สูง และมีเทคโนโลยี Nvidia G-Sync หรือ AMD FreeSync มักให้สาย DisplayPort มาด้วยครับ กลับมาที่ประเด็น DisplayPort 2.0 เทคโนโลยีนี้คือตัวใหม่ล่าสุดที่มี Bandwidth สูงถึง 77.4 Gbps (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/144 Hz, 8K/120 Hz และ 16K/60Hz) ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการมาของ USB4 คือ การหมายความว่าเราจะสามารถเล่นเกมในความละเอียดที่สูงมากขึ้น หรือ Refresh Rate ที่สูงกว่าเดิมได้นั้นเอง [caption id="attachment_72716" align="aligncenter" width="1280"] เล่นเกมแบบ 16K[/caption] (ขอบคุณภาพจากทาง Linus Tech Tips) USB4 สามารถใช้กับ Thunderbolt 3 = ราคาของ Hardware จะถูกลง ก่อนที่โลกเราจะรู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วที่สุดของโลกคือ Thunderbolt 3 ซึ่งเจ้าสายนี้เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของทาง Intel ส่งผลให้หากผู้ผลิต Hardware จะใช้เทคโนโลยี จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับ Intel ด้วย ผลลัพธ์คือผู้ผลิตจำเป็นต้องใช้ต้นทุนที่มากขึ้น และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Notebook รุ่น Highend รวมไปจนถึง Macbook ของทาง Apple มีราคาที่แพง นอกจากนี้ AMD เองก็ไม่สามารถนำ Thunderbolt 3 มาใช้งานได้เช่นกันเนื่องจาก Intel ไม่ยอม ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ External GPU ที่เอาไว้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Notebook สามารถใช้งานได้กับเครื่องที่ใช้ Chipset ภายในเป็นของ Intel เท่านั้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการมาของ USB4 ที่สามารถใช้งานกับ Thunderbolt 3 ได้จึงจะช่วยลดราคาต้นทุนให้กับผู้ผลิตได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ถูกกว่า การลดต้นทุนได้จึงหมายความว่า ราคาของสินค้าที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในส่วนนี้จะถูกลง ซึ่งจะทำให้พวกเราเหล่าเกมเมอร์สามารถจับต้องสินค้าที่มีประสิทธิภาพ สูงขึ้นในราคาเท่าเดิมได้นั้นเอง และการมี Notebook แรงๆ หรือ Hardware ดีๆ ก็จะทำให้การเล่นเกมของเพื่อนๆ ลื่นไหลมากขึ้นไปด้วยในเวลาเดียวกันครับ ความเปลี่ยนแปลงของวงการเกมที่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อ USB4 ถูกใช้งานจริง นอกจากที่ผมกล่าวมาข้างตนแล้วยังมีอีก 2 ประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้น สามารถอ่านได้ข้างล่างนี้เลยครับ การเปลี่ยนไปใช้จอที่สามารถเชื่อมต่อกับ USB4 ได้ ในปัจจุบันมาตรฐานการเล่นเกมถูกปรับขึ้นมาเป็น 4K / 60 FPS แล้ว จากการมาของเครื่อง PS5 และ Xbox Series X ดังนั้นในอนาคตมาตรฐานของความละเอียด กับ Refresh Rate จะสูงมากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน โดยความละเอียดที่สูงกว่า 4K / 60 FPS นั้นไม่สามารถใช้งานสาย HDMI ได้แล้ว กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือการเปลี่ยนไปใช้ USB4 ในการส่งภาพจะกลายเป็นมามาตรฐานใหม่ของจอ PC อย่างแน่นอน และเมื่อวันนั้นมาถึง เหล่าเกมเมอร์ PC อาจได้เปลี่ยนจอกันทุกคนเลยครับ เอาจริงๆ มันยัง ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ขนาดนั้นสำหรับเราในตอนนี้ เนื่องจากมาตรฐาน USB4 ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในตอนนี้ และน่าจะไม่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมที่ควายละเอียดต่ำกว่า 8K / 60 FPS เช่นกัน เนื่องจากสาย DisplayPort 1.4 ยังสามารถทำงานในส่วนนี้ได้ดีอยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าเมื่อเวลาที่เราต้องเปลี่ยนมาถึงจริงๆ เราก็จะปรับตัวกันได้เอง เหมือนตอนที่โลกเปลี่ยนจากสาย AV มาใช้สาย HDMI แทน นอกจากนี้คิดว่ากว่ายุคที่เราจะไปถึงความละเอียดมากกว่า 8K มันก็น่าจะยังอีก 6 - 8 ปีเลยครับ ถ้าจะพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเลยหลังจากที่ DisplayPort 2.0 กับ USB4 ถูกใช้งานเลย เห็นจะเป็นการที่สามารถต่อจอความละเอียดสูงพร้อมกันหลายตัวได้เลยด้วยสายเพียงเส้นเดียว ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะช่วยให้ประสบการณ์เกมมิ่งของเราดีขึ้นมากน้อยขนาดไหนเช่นกันครับ และอย่าลืมว่าจอที่นำมาใช้ต้องรองรับสายตัวนี้ด้วยเช่นกัน   (ขอบคุณภาพจากทาง BeginnersTech) ตลาด Hardware อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่จะมีราคาถูกลง อ่านผ่านๆ อาจเห็นว่าประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับวงการเกมเท่าไหร่นัก แต่ผมจะบอกว่าแม้ไม่ทางตรง แต่ข้อนี้ก็ส่งผลในทางอ้อมอยู่พอสมควรครับ ซึ่งถ้าให้อธิบายไปทีละขั้นต้อนแล้วละก็ คิดว่าอาจจะยาวเกินไปดังนั้นผมจึงได้เขียนอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เอาไว้แล้วข้างล่างนี้ครับ มีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น = SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น = การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น = อาจทำให้ราคาของสินค้าจะถูกลง ราคาของสินค้าจะถูกลง = การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง = เราอาจได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ราคาเท่าเดิม เครื่องที่มีประสิทธิภาพ = ประสบการณ์เกมที่ได้จะดีกว่า (4K / 120 FPS หรืออะไรก็แล้วแต่) นี้คือผลกระทบจากการมาของสาย USB4 เท่าที่ผมจะนึกออกในตอนนี้ครับ ซึ่งความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ผมกล่าวมาจะไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันทีหรอกครับ มันน่าจะต้องใช้เวลาอีก 5 - 10 ปี เลยในความคิดของผม และไม่แน่ใจด้วยว่ามีความเป็นไปได้อะไรที่ผมมองข้ามไปหรือไม่ ถ้าหากเพื่อนคิดเห็นอย่างไรก็คอมเม้นต์คุยกันได้ครับ!
17 Nov 2020
รีวิว HyperX Alloy Origins [ Tactile Switch ] ถ้าชอบใช้แรงกดน้อยต้องตัวนี้เลย
Alloy Origins นับเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งตัวใหม่จากทาง HyperX ที่มีดีไซน์สวยงาม ที่มาพร้อมกับไฟ RGB สีสันสวยงาม และมีสวิตช์ให้เลือกใช้ถึง 3 แบบ ประกอบด้วย Red (Linear), Blue (Clicky) และ Aqua (Tactile) โดยก่อนหน้านี้ทางเราได้มีการรีวิวตัว Blue ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องขอบคุณทาง HyperX ที่ได้มีการส่งตัว Aqua มาให้เราทดลองใช้อีกตัวครับ ซึ่งวันนี้ผมจะมีรีวิวให้เพื่อนๆ ได้รู้ถึงความยอดเยี่ยมของคีย์บอร์ดตัวนี้ให้เพื่อนๆ ได้รู้กัน แอบบอกก่อนเลยว่าสวิตช์ตัวนี้ "พิมพ์สนุกมาก" จะเป็นยังไงไปดูกันครับ รายละเอียด Switch HyperX Aqua Operation Style - Tactile ควมแรงในการกด - 45 G ระยะสั่งการ - 1.8 mm ระยะการเคลื่อนที่ - 3.8 mm จำนวนการกด - 80 ล้านครั้ง ถ้าหากจะให้พูดถึงข้อดีของเจ้า Aqua (Tactile) ตัวนี้ คงจะเป็นในเรื่องที่มีจังหวะสะดุดเล็กน้อย ทำให้ตอนใช้งานจะรู้สึกได้ว่ากดปุ่มลงไปแล้วจริงๆ หรือไม่ ทั้งยังใช้แรงในการกดเพียงแค่ 45 G จึงทำให้การสั่งการผ่านคีย์บอร์ดตัวนี้ สามารถทำได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็วมากกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปที่มีอยุ่ในตลาดครับ จากประสบการณ์ใช้งานตรง ผมพบว่าสวิตช์รูปแบบนี้เหมาะสมเวลาใช้พิมพ์ข้อความเป็นอย่างมาก เนื่องจากจังหวะสะดุดเล็กน้อยนั้นช่วยให้แน่ใจว่าพิมพ์ตัวอักษรแต่ละตัวไปแล้วจริงๆ ทั้งยังใช้แรงในการกดไม่มากเท่าไหร่นัก ส่งผลให้ไม่เกิดอาการเจ็บนิ้วเวลาใช้งานนานๆ ครับ ในด้านของการเล่นเกม Aqua (Tactile) ถือว่าตอบโจทย์เมื่อเอาไปใช้กับแนวเกมที่ต้องการความถูกต้องในการสั่งการ และความเร็วอย่างแนว RTS หรือ MOBA เป็นอย่างมาก การใช้งานกับเกมตระกูล FPS เองก็ค่อนข้างเหมาะสมเช่นกัน เอาจริงๆ สามารถใชได้กับเกมทุกแนวครับ แต่เนื่องจากว่าใช้แรงในการกดเพียงแค่ 45 G เท่านั้น ผู้ใช้งานอาจจำเป็นต้องระวังในเรื่องของการกดไปโดนปุ่มข้างๆ เล็กน้อยครับ! วัสดุและดีไซน์ HyperX Alloy Origins มีโครงสร้างของตัวคีย์บอร์ดเป็นอลูมิเนียม และมีตัวปุ่มกดเป็นพลาสติกแข็งเกรดดี จึงทำให้มีน้ำหนักเบา สามารถพกพาได้สะดวกทั้งยังแข็งแรงทนทาน อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นอลูมิเนียมผิวดำ ถึงทำให้เกิดรอยขีดข่วนจากเล็บ หรือของมีคมได้ง่ายเช่นกัน ถ้าอยากให้คีย์บอร์ดสวยงามอยู่ตลอดเวลา ตอนใช้งานก็อาจจำเป็นต้องตัดเล็บให้สั้นไว้ก่อนดีกว่าครับ ในส่วนของดีไซน์ Alloy Origins ตัวนี้นับว่ามีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก ถ้าเปรียบเทียบกับคีย์บอร์ด Full Size ตัวอื่นๆ ในตลาด เนื่องจากคีย์บอร์ดตัวนี้ถูกออกแบบมาให้แทบจะไม่มีขอบเลย จึงส่งผลให้ขนาดโดยรวมเล็กกว่าตัวอื่นๆ ที่มีในตลาดประมาณ 10 - 20% ดังนั้นสำหรับใครที่มีพื้นที่ระหว่างขอบโต๊ะกับหน้าจอน้อย Alloy Origin อาจเป็นตัวหนึ่งที่ตอบโจทย์ของคุณได้ครับ แสงและไฟ อีกหนึ่งฟังก์ชันที่เหล่าเกมเมอร์ให้ความสนใจมากขึ้น เมื่อเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งคือในเรื่องของแสงสีที่สวยงาม ซึ่ง Hyper X Alloy Origin ได้มีการใช้ไฟแบบ RGB LED ที่จะแสดงผลแสงสีได้สวยงาม โดนเฉพาะเวลาอยู่ในที่มืด นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมไฟ RGB ให้แสดงผลได้ตามต้องการผ่านโปรแกรม HyperX NGENUITY ด้วย เท่าที่ตัวผมเองได้ลองตั้งค่าไฟเล่นดู พบว่าคีย์บอร์ดตัวนี้สามารถแสดงผลรูปแบบไฟ RGB ได้ไม่น้อยหน้าแบรนด์ Gaming Gear ชั้นนำอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นไฟแบบ Wave, Breathing, Starlight, Riptide, Static, หรือ All Random ก็สามารถทำได้ครับ สรุป เท่าที่ได้ลองใช้งานมา 2 อาทิตย์กว่าๆ ตอนนี้คงต้องยอมรับเลยว่าตัวผมเองได้ตกหลุมรักเจ้า HyperX Alloy Origins [ Tactile Aqua Switch ] ตัวนี้ไปเสียแล้วเพราะไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์, ไฟ หรือสัมผัส ล้วนแล้วแต่ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้ตอนนี้มันได้กลายเป็นคีย์บอร์ดหลัก ที่ใช้ทั้งพิมพ์งาน และเล่นเกมในบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะพูดถึงข้อเสียของเจ้าตัวนี้คิดว่าคงมีอย่างเดียว คือยังไม่มีภาษาไทยบนคีย์บอร์ดครับ ถ้าหากว่าเพื่อนๆ ไม่สามารถใช้งานคีย์บอร์ดโดยที่ไม่มีมองได้ อาจจะลำบากพอสมควรเลยในการใช้งานเจ้า HyperX Alloy Origins [ Tactile Switch ] ตัวนี้ แต่ส่วนหนึ่งคิดว่า อาจเป็นเพราะเจ้าตัวนี้ยังไม่ได้ถูกนำเข้ามาขายในไทยอย่างเป็นทางการด้วยครับ ซึ่งคิดว่าถ้าเข้ามาแล้วน่าจะมีตัว เวอร์ชันภาษาไทยให้เพื่อนๆ ได้เลือกซื้อกันด้วย คงต้องรอดูกันต่อไป
27 Oct 2020
Nvidia เผย RTX 3080 และ 3090 อาจขาดตลาดจนกว่าจะหมดปี 2020!
ในขณะที่ผู้เล่นบนเครื่องคอนโซล กำลังพบกับปัญหาที่ไม่สามารถพรีออเดอร์เครื่อง PS5 กับ Xbox Series X ได้เนื่องจากความต้องการที่มีมากเกินไป ผู้เล่นทางฝั่ง PC เองก็กำลังเจอกับสถานการณ์คล้ายๆ กัน เนื่องจาก RTX 3080 และ 3090 เองก็กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากจนไม่มีของอยู่ในตลาดเลย โดยล่าสุดจากคำพูดของ CEO บริษัท Nvidia เหมือนว่าเราคงยังไม่เห็นการ์ดจอทั้ง 2 ตัววางขายในตลาดไปอีกนานเลยครับ! Jensen Huang ได้พูดว่า "ผมเชื่อว่าความต้องการของตลาด จะมีมากกว่าสินค้าที่ผลิตได้ ไปจนกว่าจะหมดปี 2020 เลย เพราะอย่าลืมว่าช่วงวันหยุดยาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้นผมเชื่อว่าความต้องการของตลาด จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2020" ซึ่งคุณ Jensen ยังยืนยันอีกด้วยว่า "ไม่ใช่ว่าเราผลิตไม่เพียงพอ แต่ความต้องการใน 3080 กับ 3090 มันมีมากกว่าที่คิดไว้มากจริงๆ " ดังนั้นสำหรับใครที่อยากได้การ์ดจอตัวใหม่นี้ ก็คงต้องอดใจรอกันไปยาวๆ ครับ ต้องรอดูว่าปี 2021 จะเริ่มมีสินค้าให้เราซื้อแล้วหรือไม่ต่อไป RTX 3080 และ 3090 วางจำหน่ายแล้ววันนี้! Credit: GamingBolt
06 Oct 2020
Gigabyte เผยรหัสการ์ดจอใหม่ 4 ตัวที่คาดว่าจะเป็น RTX 3060Ti
RTX ซีรีส์ 30 วางจำหน่ายมาได้สักพักแล้วกับตัว 3080 และ 3090 โดยต้องบอกเลยว่าประสิทธิภาพของการ์ดจอเจนเนอร์เรชั่นนี้เมื่อเทียบกับราคาแล้ว เป็นอะไรที่ดูคุ้มค่ากับการเปลี่ยนมาใช้มาก อย่างไรก็ตามสำหรับเกมเมอร์บางคนอาจไม่ต้องการใช้การ์ดจอที่มีราคาสูงขนาด 3080 หรือ 3090 กำลังรอการมาของ 3070 กับ 3060 อยู่ แต่เหมือนว่าล่าสุด อาจมีอีก 1 ตัวเลือกมาให้เพื่อนได้ซื้อกันครับ! Gigabyte ได้เผยรหัสสินค้าการ์ดจอตัวใหม่ 4 ตัว คือ GV-N306TAORUS M-8GD GV-N306TGAMING OC-8GD GV-N306TEAGLE OC-8GD GV-N306TEAGLE-8GD โดยจุดที่น่าสนใจก็คือรหัสทั้ง 4 ตัว นั้นมีคำว่า "N306T" อยู่ทั้งหมด แถมทุกตัวยังเป็นรุ่นที่มีแรมสูงถึง 8GB ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ทั้ง 4 ตัวจะเป็น RTX 3060Ti อย่างไรก็ตามในข่าวก่อนหน้านี้ที่เป็นรูปภาพจาก Galax ไม่ได้มีการ์ดจอ 3060Ti หรือรหัสที่ใกล้เคียงถูกโชว์ออกมาด้วย ดังนั้นคิดว่ายังมีความเป็นไปได้ที่นี้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเช่นกันครับ  
02 Oct 2020
รีวิว Hp Pavilion Gaming 15 สุดยอดขุมพลังระดับนักศึกษาในราคามัธยม !!
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว GameFever TH ทุกคนค่ะ ในบทความนี้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับโน๊ตบุ๊คสายเกมมิ่งจากค่าย HP รุ่น Pavilion Gaming 15-ec1046AX ที่มากับขุมพลัง CPU AMD Ryzen 5 และ การ์ดจอ GTX 1650 จากทาง Nvidia พร้อมด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู แต่แอบมีความดุดันของเกมมิ่งซ่อนมาด้วย หากทุกคนนึกถึงโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งแล้วหล่ะก็ หลายคนคงกังวลเรื่องของน้ำหนักเครื่องที่มักจะโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ แต่สำหรับโน๊ตบุ๊คตัวนี้แทบไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยคะ เพราะไม่ได้หนักอย่างที่คิด สาวๆ ชาวเกมเมอร์สามารถพกไว้เพื่อทำงาน และเล่นเกมได้สบายๆ แถมยังมาในราคาเพียง 25,900 บาท เท่านั้น สำหรับใครที่สงสัยว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีดีตรงไหนอีก เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบในบทความนี้กันค่ะ ดีไซน์เรียบแต่แอบดุดั่นสไตล์เกมมิ่ง ก่อนอื่นเรามาเริ่มที่ดีไซน์ภายนอกของตัวเครื่องกันดีกว่า ซึ่งถ้าหากพูดถึงโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่หลายๆ คนรู้จักกัน หลายคนคงนึกถึงเครื่องหนาๆ รู้สึกเทอะทะเป็นอย่างมากถ้าหากจะต้องแบกไปไหนมาไหน แต่ปัญหาเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้า HP Pavilion 15-ec1046AX อย่างแน่นอนด้วยดีไซน์ที่บางเบากว่าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งทั้วๆ ไป และน้ำหนักเพียงแค่ 2.25 kg จึงสามารถพกพาได้สะดวกพร้อมกระโดดเข้าสู่โลกเกมเมอร์ได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างแน่นอน จอดีอย่างไร หน้าจอ ถือเป็นอีกส่วนที่สำคัญเช่นกันสำหรับผู้ใช้งาน เนื่อจากเป็นสิ่งที่เราต้องใช้มองอยู่ตลอดเวลาในการทำงาน หรือเล่นเกม ทาง HP ไม่ได้ละเลยในส่วนนี้เลย เพราะมีการใช้เทคโนโลยี IPS Anti Glare ที่ช่วยให้สามารถใช้งานนานๆ ได้โดยไม่มีปัญหา แถมยังมาพร้อมกับค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 144Hz ซึ่งถือเป็นมาตราฐานสำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมพร้อมยังสามารถทำงานได้ แต่ที่น่าตกใจเห็นจะเป็นเพราะทั้งที่มี 2 เทคโนโลยีนี้อยู่ในเครื่อง แต่กลับขายในราคาเพียงแค่ 25,900 บาท เท่านั้น เรียกได้ว่าถูกมากๆ เลยค่ะ สายชาตพกสะดวก เบา กระทัดรัด หากจะต้องใช้โน๊ตบุ๊คสักเครื่องแล้วหล่ะก็ อีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับการเลือกใช้คงเป็นในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่จะต้องครอบคลุมในทุกการใช้งาน เพราะหากพกพาสะดวกสบาย แต่ต้องพกสายชาตสุดหนักอึ้งไปไหนมาไหนด้วยก็คงไม่สะดวก  สำหรับ HP Pavilion 15-ec1046AX เครื่องนี้ คงไม่ต้องกังวล เพราะอแดปเตอร์สายชาตนั้นเบามาก แถมขนาดยังเทียบเท่า Power Bank ที่เราพกกันทั่วไปเอง หากต้องยกไปมาแล้วหล่ะก็ถือว่าครบจบในกระเป๋าใบเดียวเลยหล่ะ สเปคเครื่องของ HP Pavilion 15-ec1046AX ชื่อรุ่นเต็มๆ ของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีชื่อว่า HP Pavilion Gaming 15-ec1046AX ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลจากทาง AMD Ryzen 5 4600H บวกกับการ์ด Nvidia GeForce GTX 1650 4 GB GDDR5 พร้อมแรมขนาด 8 GB และ SSD M.2 ความจุ 512 GB นอกนั้นทาง HP ยังให้หน้าจอที่มีค่า Refresh Rate  144Hz สำหรับเกมเมอร์มาด้วย สามารถรับชมสเปคเครื่องแบบละเอียดได้ที่ข้างล่างนี้เลย CPU: AMD Ryzen 5 4600H Max boots 4.0 GHz GPU: Nvidia GeForce GTX 1650 (4 GB GDDR5) Screen Size: 15.6" (1920x1080) Full HD Panel Type: IPS Anti Glare – จอด้าน Refresh Rate: 144 Hz Memory Size: 8 GB DDR4 Solid State Drive: 512 GB SSD PCIe M.2 Weight: 2.25 kg OS Bundle: Windows 10 Home (64 Bit) Warranty: 2 Year Onsite Service ขุมพลังตัวเครื่องสุดล้ำ ดูเรื่องคุณสมบัติทางเทคนิคของตัวเครื่องผ่านไปแล้ว เรามาดูส่วนของการเล่นเกมกันบ้างดีกว่า เนื่องจาก HP Pavilion 15-ec1046AX เองก็ได้ชื่อว่าเป็น โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเราก็อยากจะพาทุกคนไปรับชมความแรงที่ตัวเครื่องสามารถทำได้กัน ขอแอบบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สำหรับเกมที่จะนำมาทดสอบก็จะมี Playerunknowns Battlegrounds , Valorant และ GTA V ค่ะ Playerunknowns Battlegrounds ซึ่งผลที่ได้จากเกม Playerunknowns battlegrounds ถือว่าไปในทิศทางค่อนข้างดีเลยทีเดียว ด้วยตัวเกมที่มีแผนที่ค่อนข้างกว้าง บวกกับต้องใช้ผู้เล่นจำนวนหลายๆ คนลงไปเล่นพร้อมกัน แถมยังมีรายละเอียดของภาพที่สูง และสมจริงทำให้ปฎิเสธไม่ได้เลยเป็นอีกหนึ่งเกมที่ใช้เสปคสูงพอสมควร จากการทดลองด้วยกราฟิดระดับ Ultra ทั้งหมด ได้เฟรมเรทภายในเกมอยู่ที่ระหว่าง 68 - 76 fps อาจจะมีร่วงไปแตะ 50 บ้างแต่รวมๆ แล้วเฉลี่ยนเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 71 fps ซึ่งสามารถเล่นได้สบายๆ เลยค่ะ Valorant  ต่อมาในส่วนของเกมที่กำลังเป็นกระแสอย่าง Valorant ซึ่งตัวเกมเองก็ไม่ได้มีส่วนที่กินเสปคของเครื่องขนาดนั้นเพียงในขณะที่ปรับภาพ Hight ทุกอย่างตัวเครื่องสามารถขับภาพได้ที่ 120 - 165 fps ไม่ว่าจะเป็นช่วงการเข้าจังหว่ะบวก หรือมีการเทสกิลเข้าไฟท์เยอะแค่ไหนเฟรมเรทก็ไม่ได้ตกลงไปจนน่าเกลียดส่วนของค่าเฉลี่ยนของเฟรมเรทจะอยู่ที่ประมาณ 135 fps ซึ่งถือว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลจะบวกจังหว่ะไหนก็ไม่มีกระตุกแน่นอน Grand Theft Auto V สุดท้ายขอยกตัวอย่างเป็นเกม Open World ยอดฮิตในไทยอย่าง GTA V กันบ้าง ซึ่งผลที่ได้ก็น่าพอใจเช่นเดียวค่ะ การปรับภาพอยู่ที่ความละเอียดสูงสูดที่ตัวเกมจะสามารถปรับได้ในความละเอียด Full HD 1920x1080 เฟรมเรทที่ได้อยู่ระหว่าง 85 - 120 fps ต่อให้ตัวเกมจะดูเก่าแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นเกมที่มีรายละเอียดในแมพค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควร พอได้ลองทสอบแล้ว ก็บอกได้เลยว่าเครื่องนี้มีขุมพลังสุดยอดกว่าที่คิด เพราะภาพคมชัดรายละเอียดของเงาสะท้อนก็ทำออกมาได้ดีลื่นไหลตลอดแถมตัวเกมรันภาพเฉลี่ยอยู่ที่ 93 fps ค่ะ โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เหมาะกับใคร? สำหรับ HP Pavilion Gaming 15-ec1046AX เครื่องนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่าครบเครื่องสมดังคำนิยามที่เราตั้งให้ว่า สุดยอดขุมพลังระดับนักศึกษาในราคามัธยม จริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ที่ดูสวยแอบดุดันดั่งเกมมิ่งแล้ว ก็สามารถแสดงให้ผู้ใช้เห็นได้ถึงความแรงของตัวเครื่องที่สามารถเล่นเกมกระแสในปัจจุบันได้อย่างสบายๆ จะพกไปใช้ทำงานก็สะดวกเพราะพกง่าย  ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องที่เบา จะใช้เล่นเกมก็สามารถเล่นได้หลากหลาย แม้ตัวเครื่องจะขาดไฟ RGB ที่ดูฉูดฉาดไป แต่ความแรงของตัวเครื่องที่ได้มานั้นก็สามารถทดแทนในส่วนรายละเอียดเล็กๆ ไปได้ และยิ่งมาในราคาช่วงกลางๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาพอสมควรค่ะ ขอสรุปว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เหมาะกับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อโน๊คบุ๊คสำหรับใช้ทำงานเอกสาร + เล่นเกมกับแก๊งเพื่อนๆ ได้ถึงถ้าต้องการโน๊คบุ๊คเครื่องเดียวที่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่างในราคาที่คุ้มค่ากับการจ่ายไปโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกันค่ะ
17 Sep 2020
Lenovo เปิดตัวโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งใหม่ ที่มาพร้อมกับสเปคสุดแรงในราคาที่จับต้องได้!
Lenovo นับเป็นแบรนด์สินค้า IT ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดเกมบ้านเราในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งต้วผมเองก็ยอมรับว่าแบลนด์นี้ขายสินค้าในราคาที่ไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ และวันนี้ทางเรา GameFever Th ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเปิดตัวโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตัวใหม่จากทาง Lenovo ด้วย โดยต้องบอกเลยว่า เจ้าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับสเปคสุดแรงในราคาที่จับต้องได้ครับ! Lenovo Ideapad Gaming 3 และ Legion 5 คือชื่อของโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะมีการเปิดตัวเมื่อเช้านี้ครับ โดย Ideapad Gaming 3 จะเป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาไม่แพง แต่ยังคงมาพร้อมกับสเปคของเครื่องที่แรงพอสมควร ซึ่งราคาของรุ่นนี้จะมี 2 แบบคือรุ่นที่ใช้การ์ดจอ GTX 1650 กับรุ่นที่ใช้ GTX 1650Ti ทั้งสองรุ่นมีราคาต่างกันเพียงแค่ 2,000 บาทเท่านั้น สามารถดูรายละเอียดของสินค้า และของแถมได้ข้างล่างนี้! ในส่วนของ Legion 5 จะเป็นรุ่นที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง โดยสเปคของรุ่นนี้จะมี 2 รุ่นให้สามารถเลือกซื้อได้ในตอนนี้เช่นกัน โดย จะแตกต่างกันแค่ในส่วนของการ์ดจอเช่นกันโดยตัวแรก จะมาพร้อมกับ CPU Ryzen 7 4000H กับการ์ดจอ 1660Ti ในราคา 36,900 บาท ส่วนตัวที่ 2 จะมาพร้อมกับ CPU Ryzen 5 4000H ที่ลดลงมา 1 ขั้น แต่ได้การ์ดจอเป็น RTX 2060 แทน ซึ่งรุ่นนี้ก็มีราคาอยู่ที่ 36,900 บาทเช่นกัน แถมพิเศษถ้าหากซื้อก่อนวันที่ 30 กันยายนนี้ จะได้รับแรมไปเลยๆ ฟรีอีก 8 GB ด้วย ส่วนสำหรับใครที่ต้องการให้สุดไปเลยทั้งฝั่ง CPU และ GPU ดูเหมือนว่าในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการวางขาย Legion 5 ที่ ใช้ทั้ง CPU Ryzen 7 4000H + RTX 2060 ด้วย ก็ขอให้รอกันอีกนิดครับ (ป.ล Legion 5 ได้ของแถมอื่นๆ แบบเดียวกับที่ Ideapad Gaming 3 ได้ด้วยนะ)
10 Sep 2020
สัมผัสประสบการณ์เกมมิ่งเหนือจินตนาการกับ Samsung Odyssey G9 และ G7
ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการใช้จอมอนิเตอร์แบบโค้ง เริ่มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ่นในหมู่ผู้เล่นบนเครื่อง PC เพราะจอมินิเตอร์ประเภทนี้จะช่วยให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับโลกของเกมมากขึ้น เนื่องจากภาพที่เราเห็นมันไม่ได้แบนราบ เหมือนใช้จอมินิเตอร์ปกติ วันนี้ทาง Samsung ได้มีการเปิดตัวจอมินิเตอร์สำหรับเล่นเกมใหม่ในชื่อ Samsung Odyssey G9 และ Samsung Odyssey G7 ซึ่งต้องขอออกตัวก่อนเลยว่ามอนิเตอร์สองตัวนี้ จะช่วยให้เราเข้าถึงโลกของเกมได้มากกว่าที่เคยเป็นมาครับ ก่อนจะเริ่มพรรณนาถึงความสุดยอดของเกมมิ่งมอนิเตอร์ใหม่นี้ ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นสเปคของ เจ้าจอสุดเทพตัวนี้ก่อนครับ จากรูปจะสังเกตุได้ว่าตัวจอรุ่นใหญ่สุดอย่าง G9 นั้นได้ใส่เทคโนโลยีหลายอย่างที่ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์มาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Refresh Rate ที่สูงถึง 240Hz, Response Time ที่สั้นแค่ 1ms(GTG) ,Resolution ระดับ DQHD(5,120*1,440), รองรับเทคโนโลยี G-Sync กับ FreeSync 2 หรือ Display แบบ QLED ที่จะทำให้สีของหน้าจอสวยสดงดงาม นอกจากนี้ด้วยความที่ตัวจอของเจ้า G9 นี้ มีความคมชัดระดับ DQHD มันจึงทำให้เราสามารถแบ่งการใช้ง่านหน้าจอได้อย่างหลากหลาย จอตัวนี้ยังให้ผู้ใช่งานสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็น QHD สองจอแบบซ้าย และขวา สำหรับการใช้งานหลายอย่างพร้อมกันได้ด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์สายสตรีม หรือคนที่ชอบเล่นเกมไปด้วยดู Youtube หรือ Netflix ไปด้วยอย่างดี ในส่วนของดีไซน์ ก็ต้องบอกเลยว่าทั้งตัว G9 และ G7 นั้น ออกแบบมาได้สวยทันสมัยเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการให้ PC ของตัวเองดูเท่ สวยคูล ยิ่งสำหรับคนที่ต้องการทำให้ PC ของตัวเองอยู่ในธีมสีขาวด้วยแล้ว คงต้องบอกว่าเจ้า Samsung Odyssey G9  คือสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่อย่างแน่นอนครับ นอกจากในเรื่องของดัไซน์แล้ว ทางผู้พัฒนายังได้คำนึงถึงเรื่องของ Lighting ด้านหลังจอ ที่จะใช้ให้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานมีความสวยล้ำสมัยไปอีกขั้น สำหรับสานที่ประกอบ PC แบบ High End แล้วคิดว่าเจ้า G9 และ G7 ใหม่จากทาง Samsung นี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดครับ [caption id="attachment_65664" align="aligncenter" width="1024"] ผู้เขียนไปลองเล่นมาแล้วบอกเลยว่า สุดยอดมากๆ[/caption]
28 Aug 2020
รีวิว Asus Rog Zephyrus G GA502DU โน๊ตบุ๊คแรง ในราคา 35,900 บาท
การจะมีคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊คดีๆ สักตัวไว้ใช้ทำงาน หรือเล่นเกมในช่วงที่ใครหลายคนโดนกักตัวอยู่บ้านแบบนี้ ดูเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งนับเป็นโชคดีของพวกเรา GameFever Th ที่ทาง AMD ได้ส่ง Asus Rog Zephyrus G GA502DU มาให้เราได้ลองใช้งานเป็นเวลา 2 อาทิตย์ ก็ต้องขอขอบคุณทาง AMD ด้วยครับ วันนี้ก็เลยจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกันว่าเจ้าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่มีราคาเพียงแค่ 35,900 บาท ตัวนี้มีดียังไงบ้าง บอกเลยว่าเหนือความคาดหมายแน่นอนครับ สเปคของ Asus Rog Zephyrus G GA502DU โดยเจ้าโน็คบุคเกมมิ่งตัวนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า Asus ROG Zephyrus G GA502DU-AZ051T ซึ่งมาพร้อมกับ CPU AMD Ryzen 7 3750H กับการ์ดจอ GeForce GTX1660Ti Max-Q Design 6GB GDDR6 และ Ram DDR4 ถึง 16 GB แถมยังมาพร้อมกับจอที่มีค่า Refresh Rate สูงถึง 240Hz ซึ่งนับว่าค่อนข้างที่จะแรงทีเดียวในปัจจุบัน  เพื่อให้เห็นภาพตรงกัน ผมจะขอทำการแปะสเปคเต็มๆ ของเครื่องไว้ข้างล่างนี้ครับ CPU: AMD Ryzen 7 3750H GPU: NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q (6GB GDDR6) Size: 15.6 inch (1920x1080) Full HD Panel Type: IPS Anti Glare – จอด้าน Refresh Rate: 240 Hz Ram: 16 GB DDR4 Storage: 512 GB SSD PCIe M.2 Weight: 2.10 kg OS: Window 10 Home ซึ่งเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้มีอยู่ 2 จุดที่ผู้เขียนรู้สึกแปลกใจมากๆ โดยจุดแรกก็คือในเรื่องของความบางของเครื่องที่มีขนาดเพียงแค่ 20.4 มิลลิเมตร (ประมาณความสูงของเหรียญ 5 บาท) กับน้ำหนักเพียงแค่ 2.10 Kg เท่านั้นครับ เรียกได้ว่าน่าจะถูกใจเกมเมอร์สายที่ชอบพกโน๊ตบุ๊คติดตัวไปด้วยตลอดเวลาอย่างแน่นอนครับ ส่วนอีกจุดหนึ่งก็คือ จอของตัวโน๊ตบุ๊คที่มีค่า Refresh Rate สูงถึง 240 Hz ทั้งยังเป็นจอแบบ IPS ที่สามารถให้สีได้สวยที่สุดอีกด้วย เพราะปกติจอ IPS ทั่วไปที่มีค่า Refresh Rate ถึง 240 Hz จะมีราคาที่แพงมาก จึงไม่คิดว่าในโน๊ตบุ๊คราคาเพียงแค่ 35,900 จะได้จอแบบนี้มาด้วยครับ ถ้าจะมีจุดที่เป็นข้อเสียของตัวเครื่องเลย คงจะเป็นในเรื่องของพัดลมเครื่องที่จะมีเสียงค่อนข้างดังเมื่อทำงานเต็มที่ แต่ไม่ถึงขนาดดังจนสร้างความรำคาญถ้าหากว่าใส่หูฟังในการเล่นเกมครับ และจริงๆ เสียงของพัดลมที่ดังมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊คทำงานอย่างเต็มที่ ผมเลยรู้สึกว่าในจุดนี้ไม่ถึงกับเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงอะไรครับ อีกจุดที่เป็นข้อเสีย ก็คือในเรื่องของหน่วยความจำที่ให้มาแค่ 512 GB เท่านั้นครับ ดังนั้นถ้าเกิดว่าจะนำเจ้าเครื่องนี้ไปใช้งานเป็นเครื่องหลักแล้วละก็ อาจจะต้องมีการเพิ่มหน่วยความจำให้กับเครื่องนิดหน่อยครับ แต่นอกนั้นก็ถือได้ว่าเจ้า Zephyrus G GA502DU นี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่ดีมากๆ ครับ ความสามารถของเครื่องเมื่อเล่นเกม แน่นอนว่าในเมื่อเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งสิ่งที่เราจะเอามาใช้งานหลักๆ ก็คงจะเป็นการนำไปเล่นเกมเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งตัวผมก็ได้ทดลองนำเจ้า Asus ROG Zephyrus G GA502DU ไปทดลองเล่นเกมมา 3 เกมด้วยกัน นั้นก็คือ Battlefield V, Far Cry 5 และ Assassins Creed Odyssey โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็ค่อนข้างน่าพอใจครับ โดยเกมแรก Battlefield V ผมได้ทำการตั้งค่ากราฟฟิกของเอาไว้ที่ Ultra ทั้งหมด น่าเสียดายที่เกมนี้ไม่ได้มีตัว Benchmark มาให้ด้วยผมเลยต้องเข้าไปเล่นในเกมเอง แล้วสังเกตซ้ายบนของหน้าจอเองว่า โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้สามารถเล่นเกมนี้ได้ในค่า FPS เท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจครับ ตัวเกมรันอยู่ที่ 45-75 FPS และมีค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65 FPS  ทำให้ตอนเล่นภาพลื่นมากๆ แทบจะไม่มีอาการกระตุกเลยครับ ต่อมาด้วยเกมที่สอง Far Cry 5 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีกราฟิกสวยมากๆ โดยเกมนี้ตัวเกมแนะนำการตั้งค่ากราฟิกมาให้อยู่ที่ High ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับการตั้งค่าเลย แล้วกด Benchmark ไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ ก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม ตัวเกมรันอยู่ที่ 46 - 82 FPS และมีค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ 68 FPS ครับ ปิดท้ายด้วย Assassins Creed Odyssey โดยคราวนี้ผมได้ทำการดันคุณภาพกราฟิก ขึ้นอีก 1 ระดับจากที่ตัวเกมแนะนำมาให้ แล้วเริ่มกด Benchmark ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ ก็ยีงถือว่าเป็นที่น่าพอใจในเกมที่ไม่ได้ต้องการความลื่นไหลมากมายอะไรอย่างเกมนี้ ตัวเกมรันอยู่ที่ 21 - 66 FPS และมีค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ 42 FPS ครับ สรุป Asus ROG Zephyrus G GA502DU-AZ051T ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่มีราคาดีมากๆ เมื่อเทียบกับสมรรถนะของ Hardware ที่ได้มา ส่วนในเรื่องของความร้อนนั้น ผมสามารถเล่นเกมหนักๆ ในห้องพัดลมตั้งแต่ช่วงเวลา 13.00 - 16.00 ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นถ้าหากว่าปกติเล่นในห้องแอร์อยู่แล้ว หมดห่วงเรื่อง Overheat ไปได้เลยครับ โดยภาพรวมทั้งหมดแล้วถึงแม้ว่า Zephyrus G GA502DU จะไม่ใช้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง High End ที่ถึงจะปรับกราฟิกของเกมเป็น Max ทุกอย่าง แล้วก็ยังสามารถดันค่า FPS ขึ้นไปได้สูงถึงหลักร้อยได้ แต่ Zephyrus G GA502DU ก็ยังถือเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่มีสมรรถนะที่ดี และมีราคาไม่แพงเกินไปครับ ถ้าหากว่าใครกำลังหาโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมในราคาไม่แพงเกินไป ผู้เขียนค่อนข้างเชียร์ตัวนี้เลยครับ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
10 Apr 2020